xs
xsm
sm
md
lg

โพลชี้ชาวมะกันส่วนใหญ่หนุน ‘เก็บตัวในบ้าน’ จนกว่าสถานการณ์ ‘โควิด’ จะคลี่คลาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รอยเตอร์ - ชาวอเมริกันส่วนใหญ่พร้อมที่จะปฏิบัติตามมาตรการเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน (shelter in place) เพื่อป้องกันตนเองจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แม้จะต้องแลกมาด้วยผลกระทบทางเศรษฐกิจก็ตาม ผลสำรวจความคิดเห็นของรอยเตอร์/อิปซอส ระบุ

โพลซึ่งเผยแพร่วานนี้ (21 เม.ย.) ยังพบด้วยว่า มีชาวอเมริกันเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เห็นด้วยกับการออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) แม้ว่าจำนวนผู้ประท้วงจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มฐานเสียงรีพับลิกัน

ผลการสำรวจความคิดเห็นระดับชาติผ่านช่องทางออนไลน์ระหว่างวันที่ 15-21 เม.ย. พบว่า ชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ 72% สนับสนุนให้คนอยู่บ้าน “จนกว่าแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะยืนยันว่าสถานการณ์ปลอดภัย” โดยมีผู้สนับสนุนเดโมแครต 88%, รีพับลิกัน 55% และกลุ่มการเมืองอิสระ 7 ใน 10 คนที่คิดเช่นนี้

ผลสำรวจยังพบว่า ฐานเสียงรีพับลิกัน 45% เห็นว่า รัฐบาลควรยกเลิกคำสั่ง ‘เก็บตัวอยู่บ้าน’ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อ เพิ่มขึ้นจากสถิติ 25% ในผลสำรวจครั้งก่อนหน้าเมื่อช่วงวันที่ 30-31 มี.ค.

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดทำการตามปกติ และยกเลิกคำสั่งให้ชาวอเมริกันเก็บตัวอยู่บ้าน ซึ่งนโยบายนี้สร้างความขัดแย้งกับบรรดาผู้ว่าการรัฐต่างๆ ที่เห็นว่ายังเร็วเกินไปที่จะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

ทรัมป์ ยังมีคำสั่งเมื่อเย็นวันจันทร์ (20) ห้ามผู้อพยพทั้งหมดเดินทางเข้าสหรัฐฯ ชั่วคราว “เพื่อป้องกันการโจมตีจากศัตรูที่มองไม่เห็น (invisible enemy)”

ในกลุ่มผู้ตอบคำถามวัยผู้ใหญ่ มีอยู่ 42% ที่ ‘พอใจ’ การทำงานของทรัมป์ ขณะที่ 52% ตอบว่า ‘ไม่พอใจ’

ทั้งนี้ คะแนนนิยมในตัวผู้นำสหรัฐฯ เกือบจะคงที่มาเป็นเวลาปีกว่าแล้ว

เมื่อถามเจาะลงไปในเรื่องมาตรการตอบสนองวิกฤตโควิด-19 ผู้ตอบคำถาม 44% บอกว่ารู้สึก ‘พอใจ’ ขณะที่ 52% ‘ไม่พอใจ’

มาตรการล็อกดาวน์ซึ่งเป็นผลมาจากคำสั่งบริหารของผู้ว่าการรัฐต่างๆ ทำให้ชาวอเมริกันอย่างน้อย 22 ล้านคนต้องกลายเป็นคนว่างงาน ซึ่งนับเป็นสถิติสูงสุดในยุคหลังภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) เมื่อทศวรรษ 1930

ประชาชนจำนวนหนึ่งเริ่มก่อหวอดประท้วงในหลายรัฐเพื่อบีบให้ผู้ว่าฯ ยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งคนกลุ่มนี้มีอยู่ไม่น้อยที่ประกาศตัวเป็นผู้สนับสนุนทรัมป์

ล่าสุด มีผู้ว่าการรัฐหลายคนที่ยินยอมผ่อนคลายคำสั่งล็อกดาวน์ ตัวอย่างเช่น ไบรอัน เคมพ์ ผู้ว่าการรัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน ประกาศให้ธุรกิจบางประเภทเริ่มเปิดทำการได้ในวันศุกร์นี้ (24) ส่วน เฮนรี แมคมาสเตอร์ ผู้ว่าการรัฐเซาท์แคโรไลนา ซึ่งเป็นคนของรีพับลิกันเช่นกัน ก็ไฟเขียวให้ร้านค้าปลีกและห้างสรรพสินค้าเปิดทำการตั้งแต่วันอังคาร (21) โดยยังบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างอย่างเข้มงวด ขณะที่ เจเร็ด โพลิส ผู้ว่าการรัฐโคโลราโดสายเดโมแครต อนุญาตให้ธุรกิจบางอย่างเปิดทำการในสัปดาห์หน้า โดยจะต้องมีมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์เตือนว่า การผ่อนคลายข้อจำกัดก่อนที่จะควบคุมไวรัสได้อยู่หมัดอาจนำมาสู่การระบาดรอบ 2 ซึ่งจะรุนแรงและทำให้มีคนตายมากกว่าเดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น