เอเจนซีส์ - “ทรัมป์” ปฏิเสธข่าวลือเตรียมไล่ออกที่ปรึกษาด้านการแพทย์ระดับสูงในเรื่องไวรัสโคโรนา แต่หันไปเปิดศึกกับสื่อและพรรคเดโมแครตแทน ขณะที่กำลังดิ้นรนเพื่อเดินเครื่องเศรษฐกิจขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยหวังส่งผลดีต่อคะแนนเสียงของตนเองในศึกเลือกตั้งปลายปีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวสถานการณ์โรคระบาดประจำวันของทำเนียบขาวในคืนวันจันทร์ (13 เม.ย.) ผิดแปลกไปจากทุกครั้งเพราะเริ่มต้นด้วยคำแถลงของ นพ.แอนโธนี เฟาซี ที่เกิดกระแสการคาดเดาว่ากำลังปีนเกลียวกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของพรรครีพับลิกัน
เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อที่โด่งดังเป็นที่รู้จักระดับโลก กล่าวถึงการให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ข่าวซีเอ็นเอ็นเมื่อวันอาทิตย์ (12) ที่ตนเองบอกว่า ถ้ามีการใช้มาตรการรับมือกันแต่เนิ่นๆ ก็อาจช่วยลดการสูญเสียชีวิตของวิกฤตโควิด-19 ในอเมริกาได้ โดยอธิบายว่า คำตอบดังกล่าวเป็นเพียงการตอบตามข้อสมมติฐานเท่านั้น
เขายังแจกแจงเรื่องที่ตัวเองบอกว่า มีการ “คัดค้าน” การใช้มาตรการชัตดาวน์เศรษฐกิจ ซึ่งถูกนำไปตีความอย่างกว้างขวางว่า เขามุ่งพาดพิงถึงทรัมป์ที่ลังเลในการใช้มาตรการรับมือไวรัสขั้นเด็ดขาด ว่าตัวเขาเลือกใช้คำผิด
ทางด้านทรัมป์รีบสำทับเพื่อกลบข่าวลือโดยยืนยันว่า ตนเองชื่นชมเฟาซีและไม่คิดจะปลดออก
จากนั้นผู้นำสหรัฐฯ หันไปเล่นงานเป้าหมายอื่นแทน ตอกย้ำให้เห็นว่าเขาไม่พอใจและร้อนใจที่กำลังถูกโจมตีว่า จัดการรับมือกับวิกฤตครั้งนี้อย่างบกพร่องผิดพลาด
ทั้งนี้ ขณะที่การเลือกตั้งซึ่งจะตัดสินว่าเขาจะได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 หรือไม่ กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ ทรัมป์จึงอยู่ภายใต้ความกดดันแสนสาหัสเมื่อต้องจัดการกับโรคระบาดร้ายแรง ขณะเดียวกันก็ต้องเร่งพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศที่กลายเป็นอัมพาตจากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและมาตรการอื่นๆ เพื่อต่อสู้ไวรัส
และทรัมป์ไม่ลังเลเลยที่จะหันไปโยนบาปให้สื่อที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดอย่างนิวยอร์กไทมส์, ซีเอ็นเอ็น และอีกหลายสำนักว่า ไม่ได้รายงานข่าวที่ควรรายงาน ซึ่งเป็นการพาดพิงแก้ต่างถึงเรื่องที่สังคมกำลังมองว่า คณะบริหารของทรัมป์รับมือไวรัสอย่างเชื่องช้าเกินไป พร้อมกับยืนกรานว่าตนเป็นเหยื่อการทารุณกรรมของสื่อ
ในการแถลงข่าวคราวนี้ ซึ่งมีบรรยากาศของการหาเสียงมากกว่าการแจ้งข่าวคราวความคืบหน้าเกี่ยวกับโรคระบาด ทรัมป์ได้เปิดวิดีโอที่เหล่าเจ้าหน้าที่และบุคคลต่างๆ แสดงความชื่นชมผลงานของตนให้นักข่าวดู
หลังจากนั้น เมื่อถูกผู้สื่อข่าวซีบีเอ นิวส์ถามเรื่องที่คณะบริหารตัดสินใจอยู่นานกว่าจะยอมประกาศชัตดาวน์เศรษฐกิจ ทรัมป์จึงระเบิดใส่ว่า “คุณช่างน่าละอายและจอมปลอม”
ประมุขทำเนียบขาวกล่าวต่อไปว่า ขั้นตอนต่อไปมีความสำคัญมาก และเขาจะประกาศทีมเตรียมการเพื่อเดินเครื่องเศรษฐกิจอีกครั้งในวันอังคาร (14)
ทรัมป์ไม่ได้ระบุวันที่ซึ่งจะผ่อนคลายมาตรการชัตดาวน์ แต่บอกว่า พื้นที่ที่มีการระบาดลดลง อาจผ่อนคลายมาตรการได้ก่อน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นผู้ว่าการ 10 รัฐแถบชายฝั่งด้านตะวันออกและตะวันตก โดยกลุ่มแนวร่วมด้านตะวันออกประกอบด้วยนิวยอร์ก, นิวเจอร์ซีย์, คอนเนตทิคัต, เดลาแวร์, เพนซิลเวเนีย, โรดไอส์แลนด์ และแมสซาชูเสตส์ ส่วนด้านตะวันตก ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย, ออริกอน และวอชิงตัน ออกคำแถลงของแต่ละกลุ่มโดยมีใจความสำคัญในทำนองเดียวกันว่า พวกตนจะร่วมกันวางยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดเพื่อผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในรัฐเหล่านี้
ระหว่างแถลงข่าว ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวถึงเรื่องนี้โดยเตือนแกมขู่ผู้ว่าการรัฐทั้งสิบ ซึ่งล้วนเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต ยกเว้นแมสซาชูเสตส์เพียงรัฐเดียว ว่าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากตนซึ่งเป็นประธานาธิบดี
ในการแถลงข่าวคราวนี้ ซึ่งมีบรรยากาศของการหาเสียงมากกว่าการแจ้งข่าวคราวความคืบหน้าเกี่ยวกับโรคระบาด ทรัมป์ได้เปิดวิดีโอที่เหล่าเจ้าหน้าที่และบุคคลต่างๆ แสดงความชื่นชมผลงานของตนให้นักข่าวดู
หลังจากนั้น เมื่อถูกผู้สื่อข่าวซีบีเอ นิวส์ถามเรื่องที่คณะบริหารตัดสินใจอยู่นานกว่าจะยอมประกาศชัตดาวน์เศรษฐกิจ ทรัมป์จึงระเบิดใส่ว่า “คุณช่างน่าละอายและจอมปลอม”
ประมุขทำเนียบขาวกล่าวต่อไปว่า ขั้นตอนต่อไปมีความสำคัญมาก และเขาจะประกาศทีมเตรียมการเพื่อเดินเครื่องเศรษฐกิจอีกครั้งในวันอังคาร (14)
ทรัมป์ไม่ได้ระบุวันที่ซึ่งจะผ่อนคลายมาตรการชัตดาวน์ แต่บอกว่า พื้นที่ที่มีการระบาดลดลง อาจผ่อนคลายมาตรการได้ก่อน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นผู้ว่าการ 10 รัฐแถบชายฝั่งด้านตะวันออกและตะวันตก โดยกลุ่มแนวร่วมด้านตะวันออกประกอบด้วยนิวยอร์ก, นิวเจอร์ซีย์, คอนเนตทิคัต, เดลาแวร์, เพนซิลเวเนีย, โรดไอส์แลนด์ และแมสซาชูเสตส์ ส่วนด้านตะวันตก ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย, ออริกอน และวอชิงตัน ออกคำแถลงของแต่ละกลุ่มโดยมีใจความสำคัญในทำนองเดียวกันว่า พวกตนจะร่วมกันวางยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดเพื่อผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในรัฐเหล่านี้
ระหว่างแถลงข่าว ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวถึงเรื่องนี้โดยเตือนแกมขู่ผู้ว่าการรัฐทั้งสิบ ซึ่งล้วนเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต ยกเว้นแมสซาชูเสตส์เพียงรัฐเดียว ว่าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากตนซึ่งเป็นประธานาธิบดี