เอเจนซีส์ – สื่ออังกฤษรุมจวกเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน “เห็นแก่ตัว ไม่เคารพสมเด็จย่า” ภายหลังการประชุมฉุกเฉินและควีนเอลิซาเบธออกแถลงการณ์จำยอมให้ทั้งคู่ลดบทบาทในฐานะสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูง รวมทั้งใช้เวลาอยู่ในอังกฤษสลับกับแคนาดา ขณะที่แดนใบเมเปิลระบุยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการรักษาความปลอดภัยดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์หรือไม่
ฟิลิป แดมเพียร์ วิจารณ์ในหนังสือพิมพ์เดลิเอ็กซ์เพรสส์ฉบับวันอังคาร (14 ม.ค.) เปรียบเทียบว่า กรณีนี้เหมือนเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน พระชายา เอาปืนจี้พระเศียรจนพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ต้องยอมจำนน
ขณะที่ บทบรรณาธิการของแท็บลอยด์ เดอะ ซัน ระบุว่า การที่พระราชินียอมจำนนให้กับข้อเรียกร้องเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัวของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน หรือดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ อาจกลายเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงที่สุดในรัชสมัย
ด้านเดลิมิเรอร์วิพากษ์ว่า ควีนเอลิซาเบธแสดงให้เห็นถึงการไม่เห็นแก่พระองค์เอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ไม่มีอยู่ในตัวเจ้าชายแฮร์รีและพระชายา และทั้งคู่ยังไม่ให้ความเคารพต่อพระราชินี
ส่วน เดลิเทเลกราฟบอกว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็น “การอำลาอย่างลังเลของพระราชินี”
ทางด้านนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษ ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์บีบีซี เทเลวิชันว่า ตนเชื่อมั่นอย่างที่สุดว่า พระบรมวงศานุวงศ์จะคลี่คลายปัญหานี้ได้
เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นจากการที่ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ต้องการลดบทบาทในฐานะสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูง รวมทั้งต้องการอิสรภาพทางการเงิน ทำให้พระราชินีที่ทรงมีพระชนมายุ 93 พรรษา ต้องนัดหารือฉุกเฉินกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระโอรสองค์โตและรัชทายาทลำดับที่ 1 รวมถึงพระโอรส 2 พระองค์ของเจ้าชายแห่งเวลส์คือ เจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี ณ พระตำหนักแซนดริงแฮมเมื่อวันจันทร์ (13)
หลังจากนั้น พระราชินีทรงมีถ้อยแถลงว่า การหารือเป็นไปอย่างสร้างสรรค์มาก และยอมรับว่า การตัดสินใจของดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ไม่ใช่สิ่งที่พระองค์ต้องการ กระนั้น พระองค์และสมาชิกราชวงศ์ทั้งหมดสนับสนุนความปรารถนาของทั้งคู่ในการสร้างชีวิตใหม่
ควีนเอลิซาเบธทรงสำทับว่า แฮร์รีและเมแกนไม่ต้องการพึ่งพิงเงินของรัฐ และว่า ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องจัดการ แต่พระองค์ทรงขอให้มีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายภายในเร็ววันนี้
ทั้งนี้ เจ้าชายแฮร์รี ที่มีพระชนมายุ 35 พรรษา เป็นรัชทายาทลำดับที่ 6 ต่อจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ที่มีพระชนมายุ 71 พรรษา, เจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐาที่มีพระชนมายุ 37 พรรษา และพระโอรสและพระธิดา 3 พระองค์ของเจ้าชายวิลเลียม
ส่วนเมแกน วัย 38 ปี เป็นอดีตนักแสดงหญิงอเมริกันที่เคยถูกมองว่า จะสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ราชวงศ์อังกฤษหลังจากสมรสกับเจ้าชายแฮร์รีเมื่อเดือนพฤษภาคม 2018
แต่กลับกลายเป็นว่า ในเดือนตุลาคมปีที่แล้วทั้งคู่ยอมรับว่า มีปัญหาในการเป็นเป้าความสนใจของสาธารณชน เจ้าชายแฮร์รียังตำหนิแท็บลอยด์อังกฤษที่พยายามอย่าง “โหดร้าย” และ “ประสงค์ร้าย” ที่จะทำให้เมแกนเสื่อมเสียชื่อเสียง
นับจากกลางสัปดาห์ที่แล้วมีการถกเถียงกันทั้งในโลกออนไลน์และในทีวีว่า พวกแท็บลอยด์เล่นข่าวเหยียดเชื้อชาติดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ซึ่งมีแม่เป็นคนแอฟริกัน-อเมริกันหรือไม่
นอกจากนั้น หนึ่งในประเด็นที่ทุกคนให้ความสนใจยังรวมถึงเรื่องการเงินของเจ้าชายแฮร์รีและพระชายา โดยปัจจุบัน 5% ของรายได้ของทั้งคู่มาจากเงินของรัฐ ที่เหลือได้รับจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ซึ่งทรงมีพระราชทรัพย์ในฐานะเจ้าชายแห่งเวลลส์ที่สืบทอดมาตั้งแต่ปี 1337 โดยรายงานอย่างเป็นทางการระบุว่า มกุฎราชกุมารอังกฤษทรงมีทรัพย์สิน 1,400 ล้านดอลลาร์
โรเบิร์ต ฮาร์ดแมน ผู้เขียนชีวประวัติราชวงศ์ ตั้งคำถามว่า ผู้มีสถานะกึ่งราชวงศ์ควรทำหรือไม่ควรทำสิ่งใด เช่น การหารายได้จากการให้การรับรองผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งเหมาะสมหรือไม่ และสิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับพวกเขาคือผู้ถือหุ้นของกิจการของพวกเขา หรือว่าคือพระราชินีแห่งอังกฤษ
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดว์ของแคนาดา ประเทศที่ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ต้องการพำนักสลับกับอังกฤษใน “ช่วงเปลี่ยนผ่าน” กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า รัฐบาลยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะต้องรับผิดชอบงบประมาณการรักษาความปลอดภัยเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน ซึ่งปกติแล้วเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจอังกฤษหรือไม่ และสำทับว่า กำลังรอฟังการตัดสินใจสุดท้ายของราชวงศ์อังกฤษ
ทั้งนี้ นอกจากอังกฤษแล้ว พระราชินีนาถเอลิซาเบธยังทรงเป็นพระประมุขของแคนาดาและอีก 14 ประเทศ
ทรูโดว์ยังบอกอีกว่า ชาวแคนาดา “เห็นด้วยอย่างยิ่ง” ที่เจ้าชายแฮร์รีและเมแกนจะไปพำนักในแคนาดา ทว่า ยังมีอีกหลายสิ่งมากที่ต้องพิจารณา
ก่อนหน้านี้สื่ออังกฤษรายงานว่า แคนาดาจะต้องจ่ายค่ารักษาความปลอดภัยดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ รวมถึงเจ้าชายอาร์ชี พระโอรส ปีละ 650,000 ดอลลาร์ ขณะที่สื่อแคนาดาประเมินว่า ตัวเลขน่าจะอยู่ที่ราว 1.3 ล้านดอลลาร์ต่อปี
ปกตินั้นรัฐบาลแคนาดาจะนำเงินภาษีที่เก็บจากประชาชนมาใช้ในการรักษาความปลอดภัยเมื่อสมาชิกราชวงศ์อังกฤษเดินทางเยือน