เอเอฟพี/mgronline - เจ้าชายแฮร์รีและเมแกน มาร์เคิล พระชายา เผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบใหม่จากบรรดาสื่อมวลชนอังกฤษในวันอังคาร(14ม.ค.) หลังการประชุมฉุกเฉินของเชื้อพระวงศ์ ซึ่งพระราชินีนาถเอลิซาเบธอนุญาตอย่างไม่เต็มใจนักให้ทั้งสองพระองค์ ลดบทบาทในฐานะพระราชวงศ์ชั้นสูงตามความประสงค์
สื่อมวลชนอังกฤษพากันวิพากษ์วิจารณ์เจ้าชายแฮร์รีและพระชายา จากผลการประชุมฉุกเฉินของเชื้อพระวงศ์ ซึ่งพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ยินยอมให้ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ในอังกฤษสลับกับแคนาดาระหว่าง “ช่วงเปลี่ยนผ่าน”
ฟิลิป แดมเปียร์ ผู้สัดทัดกรณีด้านเชื้อพระสงศ์เขียนในหนังสือพิมพ์เดลีเอ็กเพรส ว่า "ความหมายมีเพียงอย่างเดียวคือ เจ้าชายแฮร์รีและเมแกนเป็นฝ่ายชนะ! เปรียบเทียบก็เหมือนกับทั้งสองพระองค์เอาพระแสงปืนจี้พระเศียรราชินีขู่ให้พระองค์ยอมทำตาม"
ส่วนบทบรรณาธิการของเดอะซัน บอกว่า "ราชินีของเรายอมจำนนต่อข้อเรียกร้องที่เอาแต่ใจและเห็นแก่ตัวของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน บางทีอาจเป็นสิ่งผิดพลาดใหญ่หลวงที่สุดนับตั้งแต่พระองค์ขึ้นครองราชย์"
ด้านเดลิมิร์เรอร์บอกว่าราชินีทรงแสดงออกเป็นตัวอย่างของการไม่เห็นแก่ตัว ซึ่งน่าเศร้าที่ไม่สามารถพบเห็นได้จากเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน ที่ปฏิบัติกับพระองค์โดยขาดความเคารพ" ขณะที่เดลิเทเลกราฟเรียกการตัดสินพระทัยของราชินีว่า "เป็นการบอกลาที่ไม่สู้เต็มใจนัก"
อย่างไรก็ตามนี่ยังไม่ใช่บทสรุป โดยระหว่างนี้ราชสำนักจะหาทางออกในการจัดการเรื่องที่ทั้งคู่ต้องการลดบทบาทในฐานะพระราชวงศ์ชั้นสูง และจะมีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเร็วๆนี้
บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บีบีซี แสดงความเชื่อมั่นว่าเหล่าเชื้อพระวงศ์จะสามารถหาทางออกในเรื่องนี้ได้
การประกาศเจตนารมณ์ในการลดบทบาทในฐานะสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูงและเป็นอิสระทางการเงินของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน หรือดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ เกิดขึ้นเมื่อวันพุธ (8 ม.ค.) หลังมีข่าวลือมานานหนึ่งปีเต็มเกี่ยวกับการบาดหมางระหว่างเจ้าชายแฮร์รีกับพระเชษฐาคือ เจ้าชายวิลเลียม รวมทั้งข่าวว่า เมแกน นักแสดงหญิงที่มารดาเป็นชาวแอฟริกัน-อเมริกัน รู้สึกว่า ตนเองไม่ได้รับการต้อนรับจากสมาชิกราชวงศ์อังกฤษ
รัชทายาทลำดับที่ 6 ของราชวงศ์อังกฤษและพระชายา ยอมรับว่า มีปัญหาในการเป็นจุดสนใจของสาธารณชนภายหลังพิธีอภิเษกสมรสเมื่อกลางปี 2018 และหลังจากพระโอรสคือ เจ้าชายอาร์ชี ประสูติในอีก 1 ปีต่อมา
เดลิเมล์ระบุว่า เมแกนฝันอยากลงหลักปักฐานในย่านเซเลบที่ลอสแองเจลีส แต่ไม่ใช่ในขณะนี้ที่โดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ
แผนการของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนคือ ทำให้ปี 2020 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่บทบาทใหม่ และการเริ่มต้นมูลนิธิการกุศลใหม่ รวมถึงหารายได้เลี้ยงตัวเอง อีกทั้งยังต้องการให้พระตำหนักฟร็อกมอร์ในพระราชวังวินด์เซอร์เป็นที่ประทับหลักเมื่อเสด็จกลับสู่อังกฤษ
นักวิจารณ์เกี่ยวกับราชวงศ์บางคนบอกว่า ทุกคนต่างจับจ้องว่า วิกฤตนี้จะจบลงแบบใดเนื่องจากเป็นการชี้ทิศทางของราชวงศ์อังกฤษในโลกยุคใหม่ โดยหนังสือพิมพ์อีฟนิง สแตนดาร์ดระบุว่า ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ต้องยอมรับว่า ได้สร้างความไม่พอใจอย่างมาก ขณะที่คนอื่นๆ ก็ต้องเข้าใจเช่นกันว่า ทั้งคู่ไม่มีความสุขอย่างแท้จริงกับบทบาทสมาชิกราชวงศ์ที่ต้องถูกพระราชวงศ์ที่มีลำดับสูงกว่าควบคุมการใช้จ่าย