เอเจนซีส์ – พระราชินีนาถเอลิซาเบธอนุญาตอย่างไม่เต็มใจนักให้เจ้าชายแฮร์รีและพระชายา เมแกน ใช้เวลาอยู่ในอังกฤษสลับกับแคนาดาระหว่าง “ช่วงเปลี่ยนผ่าน” ซึ่งระหว่างนี้ราชสำนักจะหาทางออกในการจัดการเรื่องประกาศสุดช็อกของทั้งคู่ที่ต้องการลดบทบาทในฐานะพระราชวงศ์ชั้นสูง โดยจะมีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเร็วๆ นี้
พระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ตรัสเมื่อวันจันทร์ (13 ม.ค.) ว่าการพูดคุยกับพระราชนัดดาทั้งสองพระองค์คือเจ้าชายแฮร์รี และเจ้าชายวิลเลียม รวมถึงเจ้าฟ้าชายชาร์ล พระราชโอรส เป็นไปอย่างสร้างสรรค์มาก โดยรายงานระบุว่า เมแกน พระชายาของเจ้าชายแฮร์รี ร่วมสนทนาด้วยทางโทรศัพท์จากแคนาดา หลังเดินทางออกจากอังกฤษกะทันหันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
การประกาศเจตนารมณ์ในการลดบทบาทในฐานะสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูงของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน หรือดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ เมื่อวันพุธ (8 ม.ค.) เกิดขึ้นหลังมีข่าวลือมานานหนึ่งปีเต็มเกี่ยวกับการบาดหมางระหว่างเจ้าชายแฮร์รีกับพระเชษฐาคือ เจ้าชายวิลเลียม รวมทั้งข่าวว่า เมแกน นักแสดงหญิงที่มารดาเป็นชาวแอฟริกัน-อเมริกัน รู้สึกว่า ตนเองไม่ได้รับการต้อนรับจากสมาชิกราชวงศ์อังกฤษ
ภายหลังการพูดคุยในพระตำหนักแซนดริงแฮมทางตะวันออกของอังกฤษ พระราชินีนาถเอลิซาเบธที่มีพระชนมายุ 93 พรรษา ทรงออกแถลงการณ์ระบุว่า พระราชวงศ์และพระองค์สนับสนุนความปรารถนาของแฮร์รีและเมแกนในการสร้างชีวิตใหม่ในฐานะครอบครัวคนรุ่นใหม่ รวมทั้งต้องการบทบาทใหม่ที่สร้างสรรค์ภายในราชวงศ์
พระประมุขของอังกฤษทรงยอมรับว่า การตัดสินใจของแฮร์รีและเมแกนไม่ใช่ข่าวที่น่ายินดี และแม้ต้องการให้ทั้งคู่ยังคงปฏิบัติกรณียกิจในฐานะสมาชิกราชวงศ์อย่างสมบูรณ์ แต่พระองค์เคารพและเข้าใจความปรารถนาในการใช้ชีวิตที่มีอิสระมากขึ้นโดยที่ยังคงเป็นส่วนหนึ่งที่มีค่าในราชวงศ์
ควีนเอลิซาเบธทรงสำทับว่า แฮร์รีและเมแกนไม่ต้องการพึ่งพิงเงินของรัฐ แต่ขณะนี้ยังไม่มีคำตอบว่า ทั้งคู่จะยังคงฐานันดรศักดิ์ต่อไปหรือไม่
ปัจจุบัน รายได้ 5% ของดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์มาจากเงินของรัฐ ที่เหลือได้รับจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ซึ่งทรงมีพระราชทรัพย์ในฐานะเจ้าชายแห่งเวลลส์ที่สืบทอดมาตั้งแต่ปี 1337 โดยรายงานอย่างเป็นทางการระบุว่า มกุฎราชกุมารอังกฤษทรงมีทรัพย์สิน 1,400 ล้านดอลลาร์
พระราชินีนาถยังตรัสว่า ขณะนี้เป็นที่ตกลงกันว่า แฮร์รีและเมแกนจะใช้เวลาอยู่ในอังกฤษสลับกับแคนาดาในช่วงเปลี่ยนผ่าน และจะมีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับอนาคตของทั้งคู่ภายในไม่กี่วันนี้
เป็นที่น่าสังเกตว่า แถลงการณ์นี้ไม่ปกตินักด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นทางการ อีกทั้งยังกล่าวถึงดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ด้วยการเรียกแค่ชื่อโดยไม่มีฐานันดรศักดิ์
หนังสือพิมพ์เดลิเมล์ของอังกฤษรายงานว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลที่ทรงกริ้วและเสด็จกลับก่อนที่การหารือจะจบลง จากเรื่องที่เจ้าชายแฮร์รีประกาศลดบทบาทก่อนที่จะได้รับความเห็นชอบจากพระราชินีนาถ
ข้อถกเถียงเกี่ยวกับอนาคตของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนทำให้คนอังกฤษมีความเห็นแตกแยกกัน และเรื่องนี้เป็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นมาหลายวัน นอกจากนั้นผลสำรวจความคิดเห็นจากยูกอฟยังพบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจ 46% เห็นด้วยกับการตัดสินใจของดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ แต่ 57% มองว่า ทั้งคู่ปฏิบัติต่อพระราชินีนาถอย่างไม่เป็นธรรม
เจ้าชายแฮร์รีและเจ้าชายวิลเลียมยังออกแถลงการณ์ร่วมขณะที่การหารือเริ่มต้นขึ้นด้วยการตำหนิหนังสือพิมพ์ เดอะ ไทมส์ ที่รายงานว่า ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์รู้สึกว่า ถูกผลักไสออกจากราชวงศ์จากท่าทีข่มเหงรังแกของเจ้าชายวิลเลียม
เจ้าชายทั้งสองพระองค์ผูกพันแน่นแฟ้นหลังการสวรรคตของเจ้าหญิงไดอานา พระมารดา จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปารีสเมื่อปี 1997 แต่เดือนที่แล้ว เจ้าชายแฮร์รียอมรับว่า เดินคนละทางกับพระเชษฐา
“ในฐานะพี่น้องที่ห่วงใยอย่างลึกซึ้งกับปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต การใช้ภาษาที่ยั่วยุเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจและอาจส่งผลลบ”
เจ้าชายแฮร์รีทรงเปิดเผยเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิตของพระองค์อันเป็นผลจากการสวรรคตของพระมารดาขณะที่พระองค์มีพระชนมายุเพียง 12 พรรษา
รัชทายาทลำดับที่ 6 ของราชวงศ์อังกฤษและพระชายา ยอมรับว่า มีปัญหาในการเป็นจุดสนใจของสาธารณชนภายหลังพิธีอภิเษกสมรสเมื่อกลางปี 2018 และหลังจากพระโอรสคือ เจ้าชายอาร์ชี ประสูติในอีก 1 ปีต่อมา
เดลิเมล์ระบุว่า เมแกนฝันอยากลงหลักปักฐานในย่านเซเลบที่ลอสแองเจลีส แต่ไม่ใช่ในขณะนี้ที่โดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ
แผนการของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนคือ ทำให้ปี 2020 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่บทบาทใหม่ และการเริ่มต้นมูลนิธิการกุศลใหม่ รวมถึงหารายได้เลี้ยงตัวเอง อีกทั้งยังต้องการให้พระตำหนักฟร็อกมอร์ในพระราชวังวินด์เซอร์เป็นที่ประทับหลักเมื่อเสด็จกลับสู่อังกฤษ
นักวิจารณ์เกี่ยวกับราชวงศ์บางคนบอกว่า ทุกคนต่างจับจ้องว่า วิกฤตนี้จะจบลงแบบใดเนื่องจากเป็นการชี้ทิศทางของราชวงศ์อังกฤษในโลกยุคใหม่ โดยหนังสือพิมพ์อีฟนิง สแตนดาร์ดระบุว่า ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ต้องยอมรับว่า ได้สร้างความไม่พอใจอย่างมาก ขณะที่คนอื่นๆ ก็ต้องเข้าใจเช่นกันว่า ทั้งคู่ไม่มีความสุขอย่างแท้จริงกับบทบาทสมาชิกราชวงศ์ที่ต้องถูกพระราชวงศ์ที่มีลำดับสูงกว่าควบคุมการใช้จ่าย