เอเจนซีส์ - อิหร่านระบุคืนวันพุธ (8 ม.ค.) เครื่องบินโดยสารยูเครนเลี้ยวกลับหลังประสบปัญหา ก่อนโหม่งโลกบริเวณนอกกรุงเตหะรานพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 176 ชีวิตเมื่อตอนเช้าวันเดียวกัน ขณะที่แหล่งข่าวในแวดวงข่าวกรองหลายคนระบุตรงกันว่า เครื่องบินลำดังกล่าวประสบความขัดข้องทางเทคนิค ไม่ได้ถูกยิงด้วยขีปนาวุธของเตหะรานอย่างที่หลายคนคาดเดา กระนั้น ทางการยูเครนแสดงความจำนงต้องการร่วมตรวจสอบบริเวณที่เครื่องบินตกเพื่อค้นหาหลักฐาน ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่เครื่องบินอาจถูกจรวดรัสเซียสอย
ทั้งแคนาดาและสหรัฐฯ ต่างเรียกร้องให้มีการสอบสวนโดยละเอียด เพื่อระบุสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ที่เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากอิหร่านยิงขีปนาวุธทิ้งตัวจำนวนสิบกว่าลูกเพื่อโจมตีฐานทัพอเมริกัน 2 แห่งในอิรัก ตอบโต้ที่วอชิงตันปลิดชีพกาเซ็ม โซไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ “คุดส์” ของอิหร่านเมื่อวันศุกร์ (3)
อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนวันพุธ องค์การการบินพลเรือนของอิหร่านแถลงผ่านเว็บไซต์ว่า เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบินยูเครเนียน อินเตอร์เนชันแนล แอร์ไลนส์ (ยูไอเอ) ที่เริ่มแรกมุ่งหน้าทางทิศตะวันตกเพื่อออกจากเขตท่าอากาศยานนานาชาติอิหม่าม โคไมนีในกรุงเตหะราน ได้วกเครื่องกลับหลังประสบปัญหาและหายไปจากจอเรดาร์ที่ระดับความสูง 2,440 เมตร โดยที่นักบินไม่ได้ติดต่อศูนย์ควบคุมการบินแต่อย่างใด
คำแถลงดังกล่าวยังอ้างอิงผู้เห็นเหตุการณ์บนภาคพื้นดินและในเครื่องบินอีกลำที่บินอยู่เหนือเครื่องบินของยูไอเอ ซึ่งระบุตรงกันว่า เครื่องบินลำดังกล่าวที่มุ่งหน้าสู่กรุงเคียฟของยูเครน เกิดไฟไหม้กลางอากาศก่อนตกลงกระแทกพื้นและระเบิดบริเวณนอกเมืองด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเตหะราน ห่างจากสนามบิน 45 กิโลเมตร หรือหลังออกจากสนามบินเพียง 6 นาที และทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 176 คนเสียชีวิต
นอกจากนั้นยังมีแหล่งข่าวในวงการข่าวกรอง 5 คน ประกอบด้วยชาวอเมริกัน 3 คน, ยุโรป 1 คน และแคนาดา 1 คน เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า การประเมินเบื้องต้นของหน่วยงานข่าวกรองของตะวันตกหลายแห่งบ่งชี้ว่า เครื่องบินที่ประสบเหตุมีปัญหาทางเทคนิค ไม่ได้ถูกขีปนาวุธยิง โดยแหล่งข่าวจากแคนาดายังระบุว่า พบหลักฐานว่า เครื่องยนต์ตัวหนึ่งร้อนเกินไป
ทางด้านสายการบินยูไอเอแถลงว่า เครื่องโบอิ้ง 737-800 เที่ยวบินพีเอส752 ออกจากสนามบินเตหะรานเมื่อเวลา 06.10 น. และหายไปจากจอเรดาร์หลังจากนั้นไม่กี่นาที ทั้งยังเผยว่า เครื่องบินลำนี้เพิ่งใช้งานเพียง 3 ปีและรับการซ่อมบำรุงตามกำหนดเมื่อวันจันทร์ (6) โดยอุบัติเหตุครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของยูไอเอที่มีคนเสียชีวิต
ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตประกอบด้วยชาวอิหร่าน 146 คน, อัฟกัน 10 คน, ยูเครน 11 คน, แคนาดา 5 คน และสวีเดน 4 คน
ด้าน อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต
ขณะที่ อาลี อะเบดซาเดห์ ประธานองค์การการบินพลเรือนของอิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านจะร่วมมือกับยูเครนในการสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ แต่จะไม่ส่งกล่องดำของเครื่องบินให้อเมริกาซึ่งไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกันมา 4 ทศวรรษ และขณะนี้ยังเผชิญหน้ากันอย่างตึงเครียดจากกรณีที่อเมริกาส่งโดรนลอบสังหารโซไลมานี และเตหะรานชำระแค้นด้วยการยิงขีปนาวุธถล่มฐานทัพอเมริกันในอิรัก แม้สถานการณ์ล่าสุดดูเหมือนผ่อนคลายลงแล้วก็ตาม
จากการเปิดเผยของผู้เชี่ยวชาญระบุว่า มีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลกล่องดำได้ โดยประเทศเหล่านั้นรวมถึงอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอเมริกา
การสอบสวนกรณีเครื่องบินตกยังเป็นการดำเนินการที่ซับซ้อน และต้องมีการประสานงานระหว่างผู้คุมกฎ ผู้เชี่ยวชาญ และบริษัทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินลำดังกล่าว และที่สำคัญการออกรายงานเบื้องต้นภายใน 24 ชั่วโมงหลังเกิดอุบัติเหตุเป็นกรณีที่ไม่พบบ่อยนัก เพราะส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาสอบสวนหาสาเหตุกันเป็นเดือนๆ
ภายใต้กฎสากลที่กำกับดูแลโดยสหประชาชาติ อิหร่านจะมีบทบาทนำในการสอบสวนอุบัติเหตุครั้งนี้ ขณะที่สหรัฐฯ ควรได้รับอนุญาตให้มีส่วนร่วมด้วยในฐานะประเทศที่ออกแบบและผลิตเครื่องบินรุ่นนี้
ในวันพุธ ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำแถลงเรียกร้องความร่วมมืออย่างสมบูรณ์ในการสอบสวนหาสาเหตุที่เครื่องบินยูเครนตก
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด กล่าวว่า รัฐบาลแคนาดาต้องการให้มีการสอบสวนอย่างละเอียดและตอบข้อสงสัยทั้งหมดของแคนาดา
วันพฤหัสฯ (9) โอเล็กซีย์ แดนีลอฟ เลขาธิการสภาความมั่นคงของยูเครน ระบุว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนของยูเครนต้องการเดินทางไปยังบริเวณที่เครื่องบินตกเพื่อค้นหาเศษซากขีปนาวุธของรัสเซีย หลังจากพบข้อมูลเบาะแสบนอินเทอร์เน็ต
แดนีลอฟเสริมว่า ยูเครนต้องการตรวจสอบสาเหตุต่างๆ ที่เป็นไปได้ ซึ่งรวมทั้งการโจมตีด้วยขีปนาวุธ, การชน, เครื่องยนต์ระเบิด, หรือการก่อการร้าย
เขายังบอกอีกว่า ทีมสอบสวนที่เดินทางไปยังอิหร่านรวมถึงผู้เชี่ยวชาญที่เคยร่วมสอบสวนกรณีเครื่องบินของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินเอ็มเอช17 ถูกยิงตกในพื้นที่ยึดครองของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกของยูเครนเมื่อปี 2014 ที่มีผู้เสียชีวิต 298 คน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน แถลงทางทีวีขอให้ประชาชนละเว้นการคาดเดา ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด และการรีบร้อนประเมินเกี่ยวกับอุบัติเหตุนี้ ทั้งยังบอกว่าจะหารือทางโทรศัพท์กับผู้นำอิหร่านเพื่อกระชับความร่วมมือในการค้นหาสาเหตุเครื่องบินตก