เอเจนซีส์ - รัฐบาลอิหร่านยืนยันวานนี้ (8 ม.ค.) ว่าไม่ได้มีเจตนาละเมิดอธิปไตยของอิรัก หลังส่งขีปนาวุธไปโจมตีฐานทัพ 2 แห่งที่ทหารอเมริกันประจำการอยู่เพื่อแก้แค้นที่นายพลคนสำคัญโดนปลิดชีพ ขณะที่รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ของสหรัฐฯ อ้างข้อมูลข่าวกรองว่าอิหร่านได้สั่งห้ามไม่ให้กองกำลังท้องถิ่นที่เป็นพันธมิตรโจมตีบุคลากรหรือทรัพย์สินของอเมริกา
ปฏิบัติการโจมตีเมื่อเช้ามืดวันพุธ (8) ทำให้อิรักประกาศจะเรียกทูตอิหร่านเข้าพบเพื่อแสดงความไม่พอใจ
มาจีด ตักห์ ราวันชี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติ ได้ยื่นจดหมายถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และ อันโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการใหญ่ยูเอ็น โดยยืนยันว่า “รัฐบาลเตหะรานยังคงเคารพในอิสรภาพ อธิปไตย ความเป็นเอกภาพ และบูรณภาพแห่งดินแดนของสาธารณรัฐอิรัก”
ทั้งนี้ ไม่มีทหารอเมริกันและอิรักบาดเจ็บล้มตายจากปฏิบัติการแก้แค้นของอิหร่าน ซึ่งทำไปเพื่อตอบโต้ที่อเมริกาส่งโดรนไปลอบสังหาร พล.ต.กาเซ็ม โซไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ (Quds)
“ปฏิบัติการดังกล่าวมีความแม่นยำและพุ่งเป้าไปยังทรัพย์สินทางทหาร จึงไม่สร้างความสูญเสียต่อพลเรือนหรือทรัพย์สินของพลเรือนในพื้นที่” ทูตอิหร่านระบุในจดหมาย พร้อมย้ำว่ารัฐบาลอิหร่าน “พร้อมอุทิศตนเพื่อปกป้องสันติภาพและความมั่นคงในระดับสากล และขอยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนากระพือความตึงเครียดหรือก่อสงคราม”
กระทรวงการต่างประเทศอิรักประกาศจะเรียกทูตอิหร่านเข้าพบเพื่อประท้วงเหตุโจมตีด้วยมิสไซล์ ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของแบกแดด โดยก่อนหน้านั้นอิรักก็ได้เรียกทูตสหรัฐฯ เข้าประท้วงกรณีส่งโดรนไปสังหารโซไลมานี ที่สนามบินแบกแดดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3)
ขณะเดียวกัน รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสวานนี้ (8) ว่า วอชิงตันเพิ่งได้รับข่าวกรองว่ารัฐบาลอิหร่านร้องขอให้กองกำลังติดอาวุธท้องถิ่นที่เป็นพันธมิตรระงับการโจมตีเป้าหมายอเมริกัน
“เราได้รับข่าวกรองที่น่าพอใจว่า อิหร่านส่งข้อความไปยังกองกำลังท้องถิ่นไม่ให้โจมตีเป้าหมายหรือพลเรือนอเมริกัน ซึ่งเราหวังว่าสาส์นดังกล่าวคงจะถูกส่งต่อๆ กันไป” เพนซ์ ระบุ
วิกฤตการณ์ระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านเริ่มคลายความตึงเครียดลงทันที หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาแถลงต่อสื่อมวลชนวานนี้ (8) ว่าจะไม่ใช้กำลังทางทหารตอบโต้กรณีเตหะรานยิงถล่มฐานทัพในอิรัก ทว่าจะไปเพิ่มบทลงโทษทางเศรษฐกิจแทน ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านก็ยอมรับว่านี่คือ “บทสรุป” ของการแก้แค้น และไม่ได้ต้องการเปิดสงครามกับอเมริกา