รอยเตอร์ – สหรัฐฯ บอกกับองค์การสหประชาชาติในวันพุธ (8) ว่า การสังหารผู้บัญชาการทหารอิหร่าน กาเซ็ม โซเลมานี เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็น "การป้องกันตัวเอง" และประกาศว่าจะดำเนินการอย่างอื่นเพิ่มเติมในตะวันออกกลางในฐานะสิ่งจำเป็นเพื่อปกป้องเจ้าหน้าที่และผลประโยชน์ของสหรัฐฯ
เมื่อวันพุธ (8) อิหร่านตอบโต้การเสียชีวิตของโซเลมานีด้วยการยิงขีปนาวุธใส่สิ่งปลูกสร้างทางทหารที่มีทหารสหรัฐฯ อาศัยอยู่ในอิรัก ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่า ไม่มีชาวสหรัฐฯ ได้รับบาดเจ็บ สลายความกังวลที่ว่า การเสียชีวิตของโซเลมานีและการตอบโต้ของอิหร่านอาจทำให้ความขัดแย้งขยายตัวในตะวันออกกลาง
ในจดหมายถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เคลลี คราฟท์ กล่าวว่า สหรัฐฯ “ยังคงพร้อมที่จะเข้าร่วมการเจรจาอย่างจริงจังกับอิหร่านโดยไม่มีเงื่อนไข ด้วยจุดประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภัยอันตรายต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศหรือการยั่วยุโดยรัฐบาลอิหร่านอีก”
การสังหารโซเลมานีในกรุงแบกแดดเมื่อวันศุกร์ (3) มีความชอบธรรมภายใต้มาตรา 51 ของกฎบัตรยูเอ็น คราฟท์ เขียนในจดหมายที่รอยเตอร์ได้อ่าน และเสริมว่า “สหรัฐฯ เตรียมที่จะดำเนินการอย่างอื่นเพิ่มเติมในภูมิภาคนี้ในฐานะสิ่งจำเป็นเพื่อปกป้องเจ้าหน้าที่และผลประโยชน์ของสหรัฐฯ”
ภายใต้มาตรา 51 ประเทศต่างๆ มีหน้าที่ต้องรายงานคณะมนตรีความมั่นคงในทันทีเกี่ยวกับมาตรการใดๆ ก็ตามที่ใช้โดยอ้างสิทธิป้องกันตนเอง สหรัฐฯ เคยใช้มาตรา 51 เพื่อรับรองปฏิบัติการปราบกลุ่มรัฐอิสลามในซีเรียเมื่อปี 2014
คราฟท์ กล่าวว่า การเสียชีวิตของโซเลมานีและการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ในอิรักและซีเรียเมื่อวันที่ 29 ธันวาคมต่อกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านหนุนหลังเป็น “การตอบสนองต่อการที่สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านและกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านหนุนหลังโจมตีกองกำลังและผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้”
เธอกล่าวว่า วัตถุประสงค์คือเพื่อยับยั้งไม่ให้อิหร่านดำเนินการหรือสนับสนุนการโจมตีและลดความสามารถของอิหร่านที่จะดำเนินการโจมตี
อิหร่านเองก็อธิบายว่าการโจมตีของพวกเขาอยู่ภายใต้มาตรา 51 ของกฎบัตรยูเอ็นในจดหมายถึงคณะมนตรีความมั่นคงเมื่อวันพุธ (8) จดหมายของสหรัฐฯ มาถึงคณะมนตรีความมั่นคงหลังจดหมายของอิหร่าน นักการทูตหลายคน เผย
เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำยูเอ็น มาจิด ราวันชี เขียนว่า เตหะราน “ไม่ต้องการความรุนแรงหรือสงคราม” หลังจากใช้สิทธิป้องกันตนเองด้วยการ “ดำเนินการตอบโต้ทางทหารอย่างจำกัดและเหมาะสมมุ่งเป้าฐานทัพอากาศสหรัฐฯ ในอิรัก”
