เอเจนซีส์ - ตำรวจปราบจลาจลของฮ่องกงใช้สเปรย์พริกไทยเพื่อสลายฝูงชนที่ย่านการเงินใจกลางเมืองในวันอาทิตย์ (22 ธ.ค.) หลังจากการชุมนุมอย่างสงบเพื่อสนับสนุนมุสลิมอุยกูร์ในจีนกลายเป็นความโกลาหล
ตำรวจหลายสิบคนเดินแถวผ่านจัตุรัสที่มองเห็นท่าเรือของฮ่องกง เพื่อเผชิญหน้ากับผู้ประท้วงที่ขว้างปาขวดแก้วและหินใส่พวกเขา ก่อนหน้านี้ในช่วงบ่ายผู้คนกว่า 1,000 คนชุมนุมกันอย่างสงบ โบกธงอุยกูร์และโปสเตอร์ ขณะเข้าร่วมในการประท้วงล่าสุด
ฝูงชนที่มีทั้งคนหนุ่มสาวและผู้สูงอายุ สวมชุดสีดำและสวมหน้ากากเพื่อปกปิดตัวตนของพวกเขา พากันชูป้ายที่มีข้อความว่า “ปลดปล่อยอุยกูร์ ปลดปล่อยฮ่องกง" และ "การปกครองตนเองแบบปลอมๆ ในจีน ส่งผลให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
การประท้วงนี้เกิดขึ้นหลังจาก เมซุต โอซิล นักฟุตบอลกองกลางของสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลในอังกฤษ สร้างความโกรธเกรี้ยวแก่ประเทศจีน หลังจากที่เขาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของจีนที่มีต่อชนกลุ่มน้อยมุสลิมในพื้นที่ซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน
"ฉันคิดว่าเสรีภาพและความเป็นเอกราชควรมีไว้สำหรับทุกคน ไม่ใช่แค่สำหรับฮ่องกงเท่านั้น" กล่าวโดย หญิงวัย 41 ปีที่เข้าร่วมการประท้วงกับสามีของเธอ
ผู้เชี่ยวชาญและนักเคลื่อนไหวของสหประชาชาติ ระบุว่า มีชาวอุยกูร์อย่างน้อย 1 ล้านคนที่ถูกควบคุมตัวในค่ายที่ซินเจียงตั้งแต่ปี 2017 ขณะที่ปักกิ่งกล่าวว่า ได้ให้การฝึกอบรมสายอาชีพเพื่อช่วยแก้ปัญหาความแตกแยก และสอนทักษะใหม่ๆ โดยปฏิเสธการกระทำใดๆ ที่ไม่เหมาะสมต่อชาวอุยกูร์
การประท้วงในฮ่องกงตอนนี้เข้าสู่เดือนที่เจ็ดแล้ว ผู้ประท้วงหลายคนรู้สึกไม่พอใจต่อสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นการแทรกแซงของจีนต่อเสรีภาพของอดีตอาณานิคมอังกฤษแห่งนี้ หลังกลับคืนสู่การปกครองของจีนในปี 1997 ด้านจีนปฏิเสธการแทรกแซงและระบุว่า มีความมุ่งมั่นในหลัก "หนึ่งประเทศ สองระบบ" และได้กล่าวโทษต่างชาติที่ปลุกระดมให้เกิดความไม่สงบ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาตำรวจปราบจลาจลของฮ่องกงได้บุกเข้าห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง เพื่อไล่ล่าและจับกุมผู้ประท้วงที่ออกมากดดันเรียกร้องในช่วงสุดสัปดาห์ของการจับจ่ายซื้อของก่อนวันคริสต์มาส
ผู้ประท้วงอ้างว่า ตำรวจใช้ความรุนแรงและใช้แก๊สน้ำตาบ่อยครั้ง ทำให้ผู้ประท้วงจำนวนมากไม่พอใจ และต้องการให้สอบสวนเกี่ยวกับความโหดร้ายของตำรวจ
การประท้วงซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนมิถุนายนทำให้เศรษฐกิจของฮ่องกงถดถอยลง ผู้ค้าปลีกและธุรกิจต่างๆ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากนักท่องเที่ยวพากันถอยห่าง ขณะที่การสัญจรก็เป็นอัมพาต