รอยเตอร์ - ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ระบุข้อตกลงการค้าเฟส 1 ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ถือว่า “เสร็จสมบูรณ์” แล้ว และจะช่วยให้อเมริกาส่งออกสินค้าไปยังจีนได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในระยะ 2 ปีข้างหน้า
ระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการ Face the Nation ทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสวานนี้ (15 ธ.ค.) โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ระบุว่า ข้อตกลงการค้าเฟส 1 อยู่ในขั้นตอนการตรวจทานเนื้อหา แต่ในภาพรวมถือว่า “เสร็จสมบูรณ์แล้ว” และเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายกำลังหารือเพื่อกำหนดวันลงนามอย่างเป็นทางการ
สหรัฐฯ และจีนประกาศบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13) หลังใช้เวลาเจรจาต่อรองกันนานกว่า 2 ปีครึ่ง โดยวอชิงตันตกลงที่จะลดภาษีศุลกากรสินค้าจีนบางส่วนเพื่อแลกกับการที่ปักกิ่งรับซื้อสินค้าเกษตร สินค้าภาคการผลิต และพลังงานจากอเมริกาเพิ่มขึ้นราว 200,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 2 ปีข้างหน้า
จีนยังรับปากว่าจะปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม, ลดการบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยีสู่บริษัทจีน, เปิดตลาดด้านการบริการทางการเงินให้แก่บริษัทอเมริกันมากขึ้น และหลีกเลี่ยงมาตรการปั่นค่าเงิน
ไลท์ไฮเซอร์ คาดว่าจีนจะซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 40,000-50,000 ล้านดอลลาร์ภายใน 2 ปี จากเดิมที่สหรัฐฯ เคยส่งออกสินค้าฟาร์มไปยังจีนได้เพียง 24,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2017 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายก่อนที่สองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจจะเริ่มเปิดศึกดวลภาษีกันในเดือน ก.ค. ปี 2018
ข้อตกลงการค้าฉบับนี้ยังทำให้สหรัฐฯ ระงับการขึ้นภาษีสินค้าจีนล็อตใหม่มูลค่า 160,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งเดิมมีกำหนดจะบังคับใช้เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. นอกจากนี้ยังหั่นอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้าจีน 120,000 ล้านดอลลาร์จำพวกลำโพง, หูฟังบลูทูธ และทีวีจอแบนลงครึ่งหนึ่งเหลือแค่ 7.5%
อย่างไรก็ตาม USTR และกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่า คณะผู้เจรจาอเมริกันเสนอที่จะหั่นภาษีลงครึ่งหนึ่งสำหรับสินค้าจีนทั้งหมด 360,000 ล้านดอลลาร์ที่วอชิงตันได้รีดภาษีไปแล้ว
“สหรัฐฯ ไม่เคยยื่นข้อเสนอเช่นนั้นต่อจีน และไม่มีผู้เจรจาอเมริกันที่เปี่ยมไปด้วยความรู้แม้แต่คนเดียวที่จะสนับสนุนแนวคิดผิดๆ นี้” คำแถลงร่วมจาก USTR และกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุ
ทั้งนี้ ยังคงเหลือสินค้าจีนอีก 250,000 ล้านดอลลาร์ที่จะถูกสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีในอัตรา 25% ต่อไป
“ท้ายที่สุดแล้ว ข้อตกลงฉบับนี้จะสำเร็จลุล่วงหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจตัดสินใจในจีน ไม่ใช่สหรัฐฯ” ไลท์ไฮเซอร์ กล่าว “ถ้าอำนาจตัดสินใจอยู่กับนักการเมืองสายฮาร์ดไลน์ ผลก็จะออกมาอย่างหนึ่ง แต่หากนักการเมืองสายปฏิรูปเป็นผู้ตัดสินใจ -- ซึ่งเราหวังเช่นนั้น -- ผลก็จะออกมาอีกอย่างหนึ่ง”
ไลท์ไฮเซอร์ ยอมรับว่า ข้อตกลงการค้าเฟส 1 ยังไม่อาจแก้ไขข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯ กับจีนได้ทั้งหมด เพราะการจะสร้างบูรณภาพระหว่างระบบเศรษฐกิจจีนซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ กับระบบเศรษฐกิจอเมริกันที่อยู่ในมือเอกชนนั้น จะต้องใช้เวลานานหลายปี