รอยเตอร์ - เจ้าชายแอนดรูว์ พระราชโอรสองค์ที่ 2 ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ทรงประกาศงดพระราชกรณียกิจต่างๆ เป็นการชั่วคราววานนี้ (20 พ.ย.) โดยทรงยอมรับว่าความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับมหาเศรษฐีค้ากาม ‘เจฟฟรีย์ เอปสตีน’ เป็นการตัดสินใจผิดพลาดที่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อภารกิจของพระราชวงศ์
ดยุคแห่งยอร์คทรงปฏิเสธข้อครหามีเพศสัมพันธ์กับเด็กสาววัยเพียง 17 ปีที่ เอปสตีน จัดหามาถวาย
มหาเศรษฐีชาวอเมริกันผู้นี้ฆ่าตัวตายในเรือนจำสหรัฐฯ เมื่อเดือน ส.ค. ระหว่างรอการไต่สวนคดีล่วงละเมิดทางเพศและค้าประเวณีเด็ก
หลังบทสัมภาษณ์ที่พระราชทานต่อบีบีซีถูกออกอากาศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (16) เจ้าชายแอนดรูว์ทรงถูกสื่ออังกฤษวิจารณ์อย่างหนักว่าใช้คำพูดแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น ขณะที่ทนายของเหยื่อ เอปสตีน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่า องค์รัชทายาทลำดับที่ 8 แห่งบัลลังก์อังกฤษไม่ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อเลยแม้แต่น้อย
หลังถูกสื่อประโคมข่าวต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 และภาคธุรกิจพากันประกาศตัดสัมพันธ์กับมูลนิธิที่ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ เจ้าชายแอนดรูว์จึงตัดสินพระทัยระงับพระราชกรณียกิจทั้งหมดในระยะนี้ และจะทรงเข้าให้การกับตำรวจในเรื่องเอปสตีน
“เป็นที่ชัดเจนสำหรับข้าพเจ้าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาว่า เรื่องที่ข้าพเจ้าเคยรู้จักมักคุ้นกับ เจฟฟรีย์ เอปสตีน ได้สร้างปัญหาใหญ่ต่อภารกิจของราชวงศ์” พระดำรัสซึ่งออกผ่านแถลงการณ์จากพระราชวังบักกิงแฮม ระบุ
“ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงกราบบังคมทูลต่อสมเด็จพระราชินีนาถเพื่อของดเว้นจากการปฏิบัติภารกิจต่างๆ ในระยะนี้ ซึ่งก็ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว”
“ข้าพเจ้าเต็มใจมอบความช่วยเหลือแก่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการสอบสวนเรื่องนี้ หากมีความจำเป็น”
ข่าวอื้อฉาวของเจ้าชายแอนดรูว์ยังบดบังการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งรัฐสภาอังกฤษซึ่งกำลังจะมีขึ้นในวันที่ 12 ธ.ค. นี้
ระหว่างการอภิปรายสดทางโทรทัศน์เมื่อค่ำวันอังคาร (19) นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ย้ำว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ “อยู่เหนือการวิจารณ์” ขณะที่ผู้นำพรรคแรงงานฝ่ายค้าน เจเรมี คอร์บิน ชี้ว่า สถาบันเบื้องสูงของอังกฤษ “จำเป็นต้องปรับปรุงเล็กน้อย” และยังมีอีกหลายคำถามที่รอคำตอบ
เจ้าชายแอนดรูว์ซึ่งว่ากันว่าเป็นพระราชโอรสซึ่งเป็นที่สนิทเสน่หาเป็นพิเศษของสมเด็จพระราชินีนาถ ทรงถูกเพ่งเล็งเรื่องมิตรภาพกับ เอปสตีน มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
พระองค์ทรงสละตำแหน่งทูตการค้าของอังกฤษในปี 2011 หลังถูกวิจารณ์ว่ามีความสนิทสนมกับ เอปสตีน ซึ่งถูกศาลสหรัฐฯ สั่งจำคุกฐานล่วงละเมิดทางเพศเยาวชนเมื่อปี 2008
ต่อมาในปี 2015 เวอร์จิเนีย จุฟเฟร่ หนึ่งในบรรดาหญิงสาวที่อ้างว่าเคยตกเป็นเหยื่อของเอปสตีน ออกมาเผยว่าเธอถูกบังคับให้หลับนอนกับเจ้าชายแอนดรูว์ในกรุงลอนดอนและบนเกาะส่วนตัวในทะเลแคริบเบียนเมื่อช่วงปี 1999-2002 และยังถูก เอปสตีน ใช้เป็น “ทาสบำเรอกาม”
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับบีบีซี เจ้าชายแอนดรูว์ทรงปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่เคยรู้จักหรือมีเพศสัมพันธ์กับ จุฟเฟร่ ส่วนเรื่องที่หญิงสาวอ้างว่าพระองค์ไปเต้นรำจน “เหงื่อท่วม” ที่ไนท์คลับแห่งหนึ่งในลอนดอนเมื่อเกือบ 20 ปีก่อนก็ไม่เป็นความจริง เนื่องจากทรงมีอาการป่วยที่ทำให้ไม่สามารถหลั่งเหงื่อได้
เจ้าชายยังทรงปฏิเสธว่าไม่ได้ร่วมหลับนอนกับ จุฟเฟร่ ในคืนนั้น เนื่องจากทรงพาเจ้าหญิงเบียทริซ พระธิดา ไปร้านพิซซ่าเอ็กซ์เพรส และกลับมาประทับอยู่กับครอบครัวที่วังตลอดคืน
คำตอบของเจ้าชายแอนดรูว์ถูกสื่ออังกฤษเย้ยหยันว่าไม่เป็นที่น่าพอใจ และสะท้อนให้เห็นว่าพระองค์ไม่ได้ทรงรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำ
ในแถลงการณ์ฉบับล่าสุด เจ้าชายแอนดรูว์ตรัสว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจที่คิดผิดในการคบหาสมาคมกับ เจฟฟรีย์ เอฟสตีน การฆ่าตัวตายของเขาก่อให้เกิดคำถามหลายอย่างซึ่งยังรอคำตอบอยู่ โดยเฉพาะต่อเหยื่อทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีความเห็นอกเห็นใจอย่างยิ่งต่อทุกๆ คนที่ได้รับผลกระทบและต้องการเห็นบทสรุปของเรื่องนี้”
บทสัมภาษณ์ของบีบีซียิ่งก่อให้เกิดคำถามตามมามากขึ้นกว่าเดิม และทำให้ภาคธุรกิจรวมถึงสถาบันการศึกษาหลายแห่งออกมาประกาศตัดสัมพันธ์กับมูลนิธิส่งเสริมผู้ประกอบการ Pitch@Palace ที่เจ้าชายแอนดรูว์ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์