เอเจนซีส์ – การให้สัมภาษณ์ของเจ้าชายแอนดรูว์เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมานอกจากไม่ได้ช่วยคลี่คลายข้อสงสัยที่เกี่ยวพันกับการคบหากับ เจฟฟรีย์ เอปสตีน มหาเศรษฐีอเมริกันสุดอื้อฉาวแล้ว ยังทำให้ดยุคแห่งยอร์ก ถูกวิจารณ์หนักขึ้น มิหนำซ้ำสปอนเซอร์หลายแห่งยังพากันถอนตัวจากโครงการของรัชทายาทลำดับที่ 8 แห่งราชวงศ์อังกฤษพระองค์นี้ และเรื่องนี้ยังกลายเป็นประเด็นหลักในการหาเสียงเลือกตั้งเมืองผู้ดี
สำนักข่าวบีบีซีรายงานเมื่อวันจันทร์ (18 พ.ย.) ระบุว่า เคพีเอ็มจี บริษัทบัญชีชื่อก้องโลก ไม่ได้ต่อสัญญาการเป็นผู้สนับสนุนโครงการริเริ่มเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ Pitch@Palace ของเจ้าชายแอนดรูว์ โดยคาดว่า เคพีเอ็มจีตัดสินใจเรื่องนี้ตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว และหนึ่งในเหตุผลการตัดสินใจคือ การที่ดยุคแห่งยอร์กพัวพันกับเอปสตีน ผู้ต้องหาล่วงละเมิดทางเพศและค้าประเวณีเด็กหญิงที่ฆ่าตัวตายหนีความผิดระหว่างรอการพิจารณาคดีเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
Pitch@Palace เป็นโครงการที่เจ้าชายแอนดรูว์ริเริ่มขึ้นในปี 2014 เพื่อให้ผู้ประกอบการแข่งขันนำเสนอแนวคิดทางธุรกิจกับนักธุรกิจทรงอิทธิพล โครงการนี้ดำเนินงานใน 64 ประเทศ และสร้างงานกว่า 6,300 ตำแหน่ง
วันเดียวกันนั้น นักศึกษามหาวิทยาลัยฮัดเดอร์ฟิลด์ยื่นคำร้องกดดันให้เจ้าชายแอนดรูว์ลาออกจากตำแหน่งอธิการบดี ขณะที่ทางมหาวิทยาลัยแห่งนี้แถลงว่า ความกระตือรือร้นเกี่ยวกับนวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการของพระองค์เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับตำแหน่งอธิการบดี
นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า เอาต์เวิร์ด บาวด์ ทรัสต์ที่ดยุคแห่งยอร์กเป็นผู้อุปถัมภ์ เตรียมจัดประชุมคณะกรรมการบริหารนัดพิเศษภายใน 2-3 วันนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์ของเจ้าชายแอนดรูว์ที่บีบีซีแพร่ภาพเมื่อคืนวันเสาร์ (16 พ.ย.)
การสัมภาษณ์ดังกล่าวทำให้มีเสียงเรียกร้องมากขึ้นให้พระโอรสองค์ที่ 2 ของพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง ไปให้การภายใต้คำสาบานเกี่ยวกับเอปสตีนกับทางการสหรัฐฯ ซึ่งเจ้าชายแอนดรูว์กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หากจำเป็นและทนายความส่วนพระองค์แนะนำก็พร้อมไปให้การ
ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับบีบีซีที่ถือเป็นการออกมาให้ความกระจ่างครั้งแรกเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวนี้ เจ้าชายแอนดรูว์ยังยืนว่า ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับเวอร์จิเนีย โรเบิร์ตส์ ที่ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้นามสกุลจุฟเฟร ที่บ้านพักในลอนดอนของเอปสตีนเมื่อคืนวันที่ 10 มีนาคม 2001 ตามที่ถูกกล่าวหา เนื่องจากในคืนนั้นพระองค์กลับไปอยู่กับพระธิดาที่ตำหนัก อีกทั้งจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่า เคยพบจุฟเฟร
ทั้งนี้ หญิงสาวอเมริกันผู้นี้ซึ่งเป็นหนึ่งในเหยื่อกว่าสิบคนของเอปสตีนระบุว่า ถูกบังคับให้หลับนอนกับเจ้าชายแอนดรูว์ถึง 3 ครั้ง โดยในครั้งแรกนั้นเธออายุเพียง 17 ปี
เจ้าชายแอนดรูว์ยังชี้แจงเหตุผลมากมายเพื่อหักล้างคำกล่าวอ้างของจุฟเฟรว่า ได้เต้นรำกับพระองค์และเห็นว่า พระองค์มีเหงื่อออกทั่วร่างกาย โดยบอกว่า พระองค์มีความผิดปกติบางอย่างทำให้ไม่สามารถหลั่งเหงื่อได้ พร้อมยืนยันว่า พระองค์ไม่ได้ไปปาร์ตี้และมักหลีกเลี่ยงการแสดงความสนิทสนมในที่สาธารณะ
สื่ออังกฤษกลับเผยแพร่ภาพเจ้าชายแอนดรูว์ในงานปาร์ตี้หลายครั้งซึ่งมักมีหญิงสาวอยู่ร่วมเฟรมด้วย บางภาพเห็นได้ชัดว่า พระองค์มีเหงื่อออกเหมือนคนทั่วไป และยังแสดงความใกล้ชิดสนิมสนมกับสาวๆ มากหน้าหลายตา
แม้ผ่านมาสองวันนับจากเผยแพร่บทสัมภาษณ์ แต่เรื่องนี้ยังคงเป็นข่าวหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์อังกฤษหลายฉบับ ซึ่งส่วนใหญ่วิจารณ์ว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวแทนที่จะช่วยลบล้างข้อกล่าวหา แต่กลายเป็นสร้างความเสียหายรุนแรงๆ และยังทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับอนาคตของเจ้าชายแอนดรูว์ ขณะที่ทนายความของผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อของเอปสตีน กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เจ้าชายแอนดรูว์แทบไม่ได้แสดงความเห็นใจเด็กสาวที่ถูกล่วงละเมิดเลย
เกรแฮม สมิธ แกนนำกลุ่มรีพับลิกที่ต่อต้านกษัตริย์ วิจารณ์ว่า เจ้าชายแอนดรูว์ทำให้อังกฤษอับอาย และยังทำให้ตัวเองเสื่อมเสีย เนื่องจากไม่แสดงความสำนึกผิดต่อสิ่งที่กระทำลงไป
สเปนเซอร์ คูวิน ที่เป็นตัวแทนของเหยื่อของเอปสตีนหลายคน ระบุว่า การที่เจ้าชายแอนดรูว์เลือกคบหากับเอปสตีนต่อ ภายหลังจากที่นักการเงินทรงอิทธิพลผู้นี้ถูกตัดสินจำคุกในคดีชักชวนเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปีค้าประเวณี แต่ได้รับการภาคทัณฑ์และปล่อยตัวในปี 2008 ฟ้องว่า พระองค์เพิกเฉยต่อสิ่งที่ชายผู้นี้กระทำกับเด็กหญิงนับสิบคน
เรื่องอื้อฉาวนี้ยังกลายเป็นประเด็นหลักในการหาเสียงเลือกตั้งของอังกฤษ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันจากพรรคอนุรักษนิยม และเจเรมี คอร์บิน หัวหน้าพรรคแรงงานซึ่งเป็นฝ่ายค้าน ถูกซักถามเกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์ของเจ้าชายแอนดรูว์เป็นส่วนใหญ่ แทนที่จะได้ชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายการบริหารประเทศหากชนะการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 เดือนหน้า
ตัวอย่างเช่นในงานที่จัดโดยกลุ่มล็อบบี้ทางธุรกิจ ซีบีไอ เมื่อวันจันทร์ที่จอห์นสันถูกถามถึง 2 ครั้งเกี่ยวกับเจ้าชายแอนดรูว์ว่า ไม่เชื่อคำสัมภาษณ์ของดยุคแห่งยอร์กเหมือนกับคนอังกฤษส่วนใหญ่หรือไม่ และจะแนะนำพระราชินีนาถเอลิซาเบธอย่างไร ซึ่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษตอบกลับว่า ไม่ต้องการมีส่วนในการวิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์