นับเป็นข่าวดังกระฉ่อนโลกที่กระเทือนถึงภาพลักษณ์ของราชวงศ์อังกฤษ เมื่อเจ้าชายแอนดรูว์ พระราชโอรสองค์ที่ 2 ในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงให้สัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อบีบีซี ยืนยันไม่ได้สนิทสนมเป็นพิเศษกับ เจฟฟรีย์ เอปสตีน (Jeffrey Epstein) มหาเศรษฐีชาวอเมริกันที่ฆ่าตัวตายในคุกขณะตกเป็นผู้ต้องหาค้าประเวณีเด็ก และยังทรงปฏิเสธว่าไม่เคยรู้จักหรือมีเพศสัมพันธ์กับเด็กสาววัย 17 คนหนึ่ง ซึ่งทำให้ทรงถูกสื่ออังกฤษวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ขณะที่บทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ถูกยกให้เป็น ‘หายนะ’ ด้านการประชาสัมพันธ์ และทำให้องค์กรหลายแห่งประกาศเลิกเป็นสปอนเซอร์ให้มูลนิธิของเจ้าชายพระองค์นี้
จากบทสัมภาษณ์ในรายการ News Night ทางสถานีโทรทัศน์บีบีซีซึ่งถ่ายทำที่พระราชวังบักกิงแฮมเมื่อวันที่ 14 พ.ย. และออกอากาศในคืนวันเสาร์ที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าชายแอนดรูว์ทรงอ้างว่า “จำไม่ได้ด้วยซ้ำ” ว่าเคยพบกับ เวอร์จิเนีย โรเบิร์ตส์ (ปัจจุบันใช้นามสกุล จุฟเฟร่) หญิงสาวซึ่งอ้างว่าเคยถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับพระองค์ถึง 3 ครั้งขณะที่เธออายุเพียง 17 ปี
เอมิลี เมตลิส ผู้ดำเนินรายการของบีบีซี ได้สอบถามถึงเรื่องที่ จุฟเฟร่ อ้างว่าเคยรับประทานอาหารค่ำและเต้นรำกับพระองค์ที่ไนท์คลับแห่งหนึ่งในลอนดอนเมื่อปี 2001 จากนั้นก็มีเพศสัมพันธ์กันที่บ้านของ กิสเลน แม็กซ์เวลล์ เพื่อนหญิงของ เอปสตีน โดย เมตลิส ย้ำว่าข้อครหาที่มีต่อพระองค์นั้น “เฉพาะเจาะจง” อย่างมาก รวมถึงการที่ จุฟเฟร่ อ้างว่าเห็นเจ้าชายแอนดรูว์มีพระเสโท (เหงื่อ) ท่วมพระวรกาย
รัชทายาทลำดับที่ 8 ของบัลลังก์อังกฤษทรงพยายามหักล้างข้อมูลเหล่านี้ โดยอ้างว่าเมื่อวันที่ 10 มี.ค. ปี 2001 ทรงพาเจ้าหญิงเบียทริซ พระธิดา ไปที่ร้านพิซซ่าเอ็กซ์เพรสในกรุงลอนดอน จากนั้นก็กลับไปประทับที่วังกับครอบครัว ไม่ได้เสด็จฯ ออกไปไหนอีก
เจ้าชายแอนดรูว์ยังทรงชี้ว่า คำบอกเล่าของ จุฟเฟร่ ไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากพระองค์มีความผิดปกติจากการหลั่งอะดรีนาลินมากเกินไปตอนที่ทรงถูกยิงในสงครามฟอล์คแลนด์ และนั่นทำให้พระองค์ “ไม่สามารถหลั่งเหงื่อได้”
อย่างไรก็ตาม สื่ออังกฤษกลับเผยแพร่ภาพเจ้าชายแอนดรูว์ในงานปาร์ตี้หลายครั้งซึ่งมักมีหญิงสาวร่วมเฟรมด้วย และบางภาพก็เห็นได้ชัดว่าทรงมีเหงื่อออกเหมือนคนทั่วไป
เจ้าชายแอนดรูว์ทรงยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้สนิทสนมกับเอปสตีน ส่วนภาพที่พระองค์ทรงโอบเอว จุฟเฟร่ วัย 17 ปีก็ทรงอ้างว่าน่าจะเป็น “ภาพตัดต่อ” เนื่องจากทรง “จำไม่ได้” ว่าเคยถูกถ่ายภาพดังกล่าว และยืนยันว่าเวลาที่ทรงออกไปไหนมาไหนในกรุงลอนดอนจะ “สวมสูทผูกเนคไท” เสมอ
สำหรับคำถามที่ว่า เหตุใดจึงยังทรงไปพักที่บ้านของ เอปสตีน ในปี 2010 หลังจากที่อีกฝ่ายถูกดำเนินคดีฐานค้าประเวณีเด็ก เจ้าชายแอนดรูว์ทรงชี้แจงว่า บ้านพักดังกล่าว “สะดวกสบาย” และที่ไปครั้งนั้นก็เพื่อไปบอกกับ เอปสตีน ว่า “ต้องการยุติมิตรภาพ” โดยทรงเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ควรจะพูดกันตัวต่อตัวมากกว่าคุยโทรศัพท์ ทว่าตอนนี้ก็ทรงตระหนักแล้วว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด
พิธีกรบีบีซียังถามถึงคลิปเมื่อปี 2010 ที่มีภาพพระองค์ทรงโบกพระหัตถ์ให้หญิงสาวที่กำลังออกจากบ้านพักของเอปสตีน ซึ่งเจ้าชายแอนดรูว์อธิบายว่า สถานที่ดังกล่าวไม่ต่างจากสถานีรถไฟที่มีคนเข้าออกตลอดเวลา และยืนยันว่าไม่ได้ให้หญิงสาวรัสเซียนวดให้เหมือนที่พยานคนหนึ่งระบุ
ดยุคแห่งยอร์กยังทรงปกป้องความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างพระองค์กับเอปสตีน โดยทรงให้เหตุผลว่า การคบหากับมหาเศรษฐีผู้นี้ “มีประโยชน์อย่างยิ่ง” เพราะทำให้ได้รู้จักผู้คนมากหน้าหลายตา และได้เรียนรู้ทั้งเรื่องการค้าและธุรกิจ แต่ก็ทรงยอมรับว่าสิ่งที่ เอปสตีน ทำลงไปนั้นไม่เหมาะสม
เจ้าชายแอนดรูว์ทรงย้ำว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ได้ส่งผลต่อพระเกียรติยศของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 หากแต่เป็นปัญหาของพระองค์เอง
บทสัมภาษณ์บีบีซีชิ้นนี้ถือเป็นการเปิดใจครั้งแรกของเจ้าชายแอนดรูว์เกี่ยวกับข้อครหาต่างๆ ที่พัวพันกับเอปสตีน ขณะที่สื่ออังกฤษต่างโฟกัสไปที่ท่าทีไร้ความสำนึกผิดของดยุคแห่งยอร์ก
เดอะ เมล พาดหัวว่าเจ้าชาย “ไม่มีการแสดงความเสียใจแม้แต่คำเดียว” ขณะที่เดอะการ์เดียนวิจารณ์ว่า ทรงไม่มีท่าทีกังวลเลยว่าเรื่องนี้ใหญ่โตแค่ไหน และยังคงยิ้มและหัวเราะตลอดเวลาที่ให้สัมภาษณ์ ซ้ำยังไม่แสดงความเสียใจหรือห่วงใยต่อบรรดาเหยื่อของเอปสตีน
บีบีซีรายงานเมื่อวันจันทร์ (18) ว่า บริษัทบัญชีชื่อดังของโลกอย่าง KPMG ประกาศไม่ต่อสัญญาการเป็นผู้สนับสนุนโครงการริเริ่มเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ Pitch@Palace ของเจ้าชายแอนดรูว์ และในวันเดียวกันนั้น นักศึกษามหาวิทยาลัยฮัดเดอร์ฟิลด์ในสหราชอาณาจักรก็ยื่นคำร้องกดดันให้เจ้าชายแอนดรูว์ทรงลาออกจากตำแหน่งอธิการบดี
หญิงสาวที่ใช้นามแฝงว่า “เจน โด 15” และอ้างว่าเคยถูก เอปสตีน ล่วงละเมิดขณะเป็นผู้เยาว์ ออกมาเรียกร้องให้เจ้าชายแอนดรูว์ทรงให้การภายใต้คำสาบานต่อสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) และอัยการสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านั้นเจ้าชายแอนดรูว์ก็ได้ตรัสไว้แล้วว่า ทรงยินดีเข้าให้การหากมีความจำเป็นและได้รับคำแนะนำจากทนายส่วนพระองค์
ล่าสุด พระราชวังบักกิงแฮมได้ออกแถลงการณ์ในวันพุธ (20) เรื่องเจ้าชายแอนดรูว์ทรงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เพื่องดปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ เป็นการชั่วคราว โดยทรงยอมรับว่าความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับมหาเศรษฐีค้ากาม เจฟฟรีย์ เอปสตีน เป็นการตัดสินใจผิดพลาดที่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อภารกิจของพระราชวงศ์
เอปสตีน วัย 66 ปี ผูกคอตายในเรือนจำเมื่อเดือน ส.ค. ขณะรอการไต่สวนความผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศและค้าประเวณีเด็ก ซึ่งเขายืนกรานไม่รับสารภาพผิด โดยก่อนหน้านั้น 2 วันเขาได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินมูลค่า 577 ล้านดอลลาร์ให้กับกองทุนแห่งหนึ่ง
มหาเศรษฐีผู้นี้เคยคบหาเป็นเพื่อนกับบุคคลสำคัญหลายคน เช่น ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์, อดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน รวมถึงเจ้าชายแอนดรูว์
ทั้งน้องชายและทนายของ เอปสตีน ยังคงไม่เชื่อข้อสรุปของแพทย์ชันสูตรที่ระบุว่าเขาฆ่าตัวตายเอง