รอยเตอร์/มาร์เกตวอตช์ - วอลล์สตรีทปิดลบในวันพุธ (20 พ.ย.) หลังผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าและบุคคลใกล้ชิดทำเนียบขาว คาด “เฟส 1” ของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนอาจไม่แล้วเสร็จภายในปีนี้ ในขณะที่ปักกิ่งกดดันให้วอชิงตันถอนมาตรการรีดภาษีเพิ่มเติม ส่วนราคาน้ำมันพุ่งแรง พบคลังปิโตรเลียมสำรองเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด
ดาวโจนส์ ลดลง 112.93 จุด (0.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 27,821.09 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 11.72 จุด (0.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,108.46 จุด แนสแดค ลดลง 43.93 จุด (0.51 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 8,526.73 จุด
รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดกับการเจรจาทางการค้า ระบุว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และ โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ยอมรับว่าการถอนมาตรการรีดภาษีแลกกับข้อตกลงหนึ่งๆ คงเป็นความคิดไม่ดีนักสำหรับสหรัฐฯ หากว่าข้อตกลงดังกล่าวล้มเหลวในการจัดการกับประเด็นทรัพย์สินทางปัญญาและถ่ายโอนเทคโนโลยี อันเป็นแก่นกลางเสียงคร่ำครวญของอเมริกา
ด้วยเหตุนี้เอง แม้เจ้าหน้าที่จากปักกิ่งบ่งชี้ว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และทรัมป์ อาจลงนามในข้อตกลงการค้า “เฟส 1” ในช่วงต้นเดือนธันวาคม แต่พวกผู้เชี่ยวชาญบางส่วนไม่คิดเช่นนั้น โดยพวกเขาชี้ว่าวันต่อไปที่ต้องจับตาคือวันที่ 15 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนของสหรัฐฯ มูลค่า 156,000 ล้านดอลลาร์ จะมีผลบังคับใช้
“หากการเจรจาเป็นไปด้วยดี การปรับขึ้นภาษีจะถูกระงับ” คริสเตรียน วิตัน ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านยุทธศาสตร์และการค้า ณ ศูนย์เพื่อผลประโยชน์แห่งชาติระบุ ทั้งนี้เขาเป็นอดีตที่ปรึกษาของทรัมป์และรัฐบาลของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช “ถ้าไม่ สหรัฐฯ จะบังคับใช้มัน และจะลากให้เกมยืดเยื้อเข้าสู่ปีหน้า”
ราคาทองคำในวันพุธ (20 พ.ย.) ปรับลดเล็กน้อย กังวลว่าการที่สหรัฐฯและจีนอาจไม่บรรลุข้อตกลงการค้ากันได้ภายในปีนี้ อาจกัดเซาะอุปสงค์โลหะมีค่า โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 10 เซนต์ ปิดที่ 1,474.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
จากนั้นราคาทองคำขยับลงไปมากกว่าเดิมในการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ หลังรายงาน minutes ของที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประจำเดือนตุลาคม ซึ่งเผยแพร่ออกมาหลังจากปิดตลาด พบว่าบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดมีมุมมองทางบวกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจอเมริกาและคัดค้านการใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบในการรับมือกับภาวะถดถอยที่อาจคืบคลานเข้ามา
ส่วนราคาน้ำมันในวันพุธ (20 พ.ย.) พุ่งแรง หลังรายงานคลังปิโตรเลียมสำรองของรัฐบาลสหรัฐฯ พบว่าเพิ่มขึ้น 4 สัปดาห์ติด แต่น้อยกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์คาดหมายไว้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของสัญญา เพิ่มขึ้น 1.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนงวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 1.66 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 1.49 ดอลลาร์ ปิดที่ 62.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานในวันพุธ (20 พ.ย.) ระบุว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประทศ ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 พฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล หลังจากก่อนหน้านี้ปรับขึ้นมา 3 สัปดาห์ติด
อย่างไรก็ตาม ในการเพิ่มขึ้นครั้งนี้ถือว่าน้อยกว่าที่คาดหมายว่า โดยผลสำรวจความคิดเห็นบรรดานักวิเคราะห์ที่จัดทำโดยเอสแอนด์พี โกลบัล แพลตต์ส ประมาณการว่าจะเพิ่มขึ้นราวๆ 1.6 ล้านบาร์เรล