เอเจนซีส์ - กระทรวงพาณิชย์จีนพยายามออกมาสยบข่าวในวันพฤหัสบดี (21 พ.ย.) ยืนยันปักกิ่งจะพยายามมากขึ้นเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้า “เฟส 1” กับอเมริกา หลังจากมีการคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าและแหล่งข่าวในทำเนียบขาวระบุว่า การปิดดีลดังกล่าวอาจต้องเลื่อนออกไปถึงปีหน้า เนื่องจากปักกิ่งเดินเกมกดดันให้อเมริกาผ่อนคลายมาตรการภาษีศุลกากร ขณะที่คณะบริหารของทรัมป์เพิ่มเงื่อนไขต่อรองเช่นเดียวกัน
เดือนที่ผ่านมา ทั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ต่างระบุว่า ข้อตกลงการค้าขั้นต้นกับจีน หรือที่เรียกกันว่า ข้อตกลงเฟส 1 อาจใช้เวลาเจรจาเพื่อลงนามรับรองภายใน 5 สัปดาห์
แต่ถึงขณะนี้ เวลาผ่านมากว่า 5 สัปดาห์แล้ว ทว่าข้อตกลงยังคงไม่ถึงไหน มิหนำซ้ำการเจรจาทำท่ายิ่งซับซ้อนมากขึ้น
เมื่อวันพุธ (20) ทรัมป์ตอบคำถามสื่อเกี่ยวกับสถานะข้อตกลงกับจีนว่า ปักกิ่งยังไม่พยายามมากพอถึงระดับที่ตนต้องการ
ขณะที่รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าววงในระบุว่า ทั้งทรัมป์และโรเบิร์ต ไลต์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ตระหนักว่า การผ่อนคลายมาตรการภาษีศุลกากรให้แก่จีน เพื่อแลกกับการทำข้อตกลงซึ่งยังไม่ได้คลี่คลายปัญหาหลักเกี่ยวกับการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและการถ่ายโอนเทคโนโลยีนั้น ไม่ถือเป็นข้อตกลงที่ดีสำหรับอเมริกา
ปักกิ่งนั้นยืนกรานให้วอชิงตันผ่อนคลายมาตรการภาษีศุลกากร ซึ่งทรัมป์ไม่เห็นด้วย ขณะที่อเมริกาต้องการให้จีนสั่งซื้อสินค้าเกษตรเพิ่ม โดยยังไม่มีแนวโน้มว่า จีนจะยอมตกลงด้วย
ทางฝ่ายจีนนั้น รอยเตอร์รายงานว่าในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ปักกิ่งเมื่อวันพุธ รองนายกรัฐมนตรีหลิว เหอ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะเจรจาของจีน กล่าวกับผู้ร่วมงานคนหนึ่งว่า “สับสน” กับข้อเรียกร้องของวอชิงตัน กระนั้น เขายังมั่นใจว่า ข้อตกลงการค้าขั้นต้นจะต้องบรรลุผล
ต่อมาในวันพฤหัสบดี (21) เกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน แถลงว่า จีนยินดีร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อแก้ไขข้อกังวลหลักระหว่างกันบนพื้นฐานของความเท่าเทียมและการเคารพกันและกัน รวมทั้งจะพยายามมากขึ้นเพื่อบรรลุข้อตกลงขั้นต้น ซึ่งสอดคล้องกับผลประโยชน์ของอเมริกา จีน และโลก
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่หลายคนในปักกิ่งแย้มว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อาจร่วมลงนามข้อตกลงกับทรัมป์ต้นเดือนหน้า
ผู้เชี่ยวชาญบางคนชี้ว่า ฤกษ์หมายถัดไปที่ต้องจับตาคือ วันที่ 15 ธันวาคม ซึ่งมาตรการเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจีนมูลค่าราว 156,000 ล้านดอลลาร์จะมีผลบังคับใช้
คริสเตียน วิตตัน นักวิชาการอาวุโสด้านยุทศาสตร์และการค้าของศูนย์เพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ และอดีตที่ปรึกษาของทรัมป์ รวมถึงคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เชื่อว่า ถ้าการเจรจาราบรื่น อเมริกาจะระงับการขึ้นภาษีดังกล่าว แต่ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น เหตุการณ์จะเป็นไปในทางตรงกันข้ามและทำให้ข้อตกลงการค้าเฟส 1 ลากยาวไปถึงปีหน้า
ช่วงบ่ายวันพุธ จัดด์ เดียร์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงผ่านอีเมลว่า การเจรจายังคงดำเนินต่อไปและมีความคืบหน้าเกี่ยวกับเนื้อหาข้อตกลงขั้นต้น
จาง เยี่ยนเซิง นักวิจัยหลักของศูนย์เพื่อการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศของจีน ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองของทางการปักกิ่ง กล่าวในงานประชุมที่บลูมเบิร์กจัดขึ้นเมื่อวันพฤหัสฯ ว่า สถานการณ์การประท้วงฮ่องกงเป็นปัจจัยลบในการเจรจาการค้า และหาก “ไม่มีเรื่องวุ่นวาย” มีแนวโน้มว่า ข้อตกลงขั้นต้นจะบรรลุผลภายในปีนี้
ทางด้านวิตตันกล่าวว่า การปราบปรามผู้ประท้วงในฮ่องกงอย่างรุนแรง ซึ่งสั่งการโดยปักกิ่ง จะลดโอกาสในการบรรลุข้อตกลง
การเจรจาการค้ายังมีอุปสรรคจากความขัดแย้งภายในทำเนียบขาวเองเกี่ยวกับแนวทางที่ดีที่สุดที่จะใช้กับจีน และจากข้อเท็จจริงว่า ทรัมป์อาจใช้สิทธิ์ยับยั้งข้อตกลงที่คณะเจรจาทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันแล้วในนาทีสุดท้าย
กระนั้น ผู้เชี่ยวชาญของจีนและผู้เชี่ยวชาญทางการค้าบางคนที่รับรู้ความคืบหน้าในการเจรจา ยังคงมองโลกแง่ดีว่า สองชาติมหาอำนาจโลกอาจตกลงกันได้ภายในไม่กี่สัปดาห์นี้ ขณะที่ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพุธว่า ทีมเจรจาของสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าหารือกับทีมปักกิ่ง
เวลาเดียวกัน สำนักข่าวซินหวาของทางการจีน ระบุว่า การหารือทางโทรศัพท์ระหว่างมนูชินและไลต์ไฮเซอร์กับหลิวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (16) เป็นความคืบหน้าที่ดี
สถานการณ์ความขัดแย้งยังเริ่มคลี่คลาย หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ออกใบอนุญาตให้บริษัทอเมริกันบางแห่งขายสินค้าให้หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมใหญ่สุดของโลกสัญชาติจีนที่ถูกขึ้นบัญชีดำอีกครั้ง
ทว่า ผู้เชี่ยวชาญบางคนในจีนกลับมองแง่ลบ เช่น หู สีจิน บรรณาธิการโกลบัล ไทมส์ แท็บลอยด์ของทางการจีน ที่ทวิตเมื่อวันพุธว่า มีคนจีนแค่กลุ่มเล็กๆ ที่เชื่อว่า จีนกับอเมริกาจะบรรลุข้อตกลงการค้าเร็วๆ นี้ และสำทับว่า แม้ปักกิ่งต้องการบรรลุข้อตกลงแต่ก็เตรียมพร้อมรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด นั่นคือสงครามการค้ายืดเยื้อ