เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันพุธ (20 มิ.ย.) ออกคำสั่งยุติมาตรการแยกลูกผู้อพยพจากพ่อแม่ที่ถูกจับกุมขณะกำลังลอบข้ามชายแดนอเมริกา กลับลำนโยบายเข้มข้นหลังถูกกดดันอย่างหนักจากทั้งสมาชิกพรรครีพับลิกัน, เดโมแครต และประชาคมนานาชาติ
คำสั่งนี้กำหนดให้กักตัวครอบครัวคนเข้าเมืองอยู่ด้วยกัน หากคนเหล่านั้นถูกจับขณะกำลังพยายามลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่ไม่ชัดเจนว่าการกักกันตัวนั้นจะมีระยะเวลายาวนานแค่ไหน
การเปลี่ยนแผนอย่างกะทันหันครั้งนี้มีขึ้นหลังจากเด็กๆ มากกว่า 2,300 คนถูกแยกตัวพ่อแม่หรือผู้ปกครอง หลังลักลอบข้ามชายแดนอย่างผิดกฎหมายนับตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม และถูกนำไปควบคุมตัวตามศูนย์กักกันต่างๆ โดยไม่สามารถติดต่อกับผู้ปกครองได้
ภาพถ่ายที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นรูปเด็กๆ และเยาวชนนั่งอยู่ในกรงตาข่ายพื้นปูนตามศูนย์พักพิงต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ โดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่พวกเขาจะได้เจอหน้าพ่อแม่หรือผู้ปกครองอีกครั้ง กระพือความขุ่นเคืองในวงกว้าง ในขณะที่หมู่ขบถในพรรครีพับลิกันของทรัมป์เอง เช่นเดียวกับนานาชาติกล่าวหาสหรัฐฯ กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน
“สิ่งที่เราทำในวันนี้คือเราให้ครอบครัวได้อยู่ด้วยกัน” ทรัมป์กล่าวระหว่างลงนามในคำสั่งพิเศษประธานาธิบดี “ผมไม่ชอบสายตาหรือความรู้สึกที่ต้องถูกแยกจากครอบครัวเลย”
ในคำสั่งยังได้เลื่อนพ่อแม่หรือผู้ปกครองที่เดินทางมาพร้อมกับเด็กๆ ให้ไปอยู่ในลำดับต้นๆของกระบวนการคนเข้าเมือง อย่างไรก็ตาม คำสั่งดังกล่าวไม่ใช่จุดจบของ “นโยบายอดทนเป็นศูนย์” ที่เรียกร้องให้ดำเนินคดีอาญากับพวกคนเข้าเมืองที่ลักลอบข้ามชายแดนผิดกฎหมาย
แหล่งข่าวในทำเนียบขาวระบุว่าทรัมป์เริ่มยอมรับแล้วว่าประเด็นแยกครอบครัวกำลังกลายเป็นปัญหาทางการเมืองที่ขยายวงกว้างมากขึ้น โดย เมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลข 1 ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีอย่างลับๆ เรียกร้องให้เขาทำอะไรบางอย่าง
ความเคลื่อนไหวในวันพุธ (20 มิ.ย.) ถือเป็นตัวอย่างที่ไม่ค่อยพบเห็นนักนับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม 2017 ซึ่งเขายอมเปลี่ยนแนวทางของนโยบายหนึ่งซึ่งเป็นที่ถกเถียง แทนที่จะดื้อดึงเดินหน้าต่อไป
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ที่ชูจุดยืนต่อต้านการลักลอบเข้าเมืองอย่างแข็งกร้าวเป็นผลงานสำคัญในตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น พยายามปกป้องนโยบายของตนเองโดยโยนความผิดเรื่องการพรากพ่อแม่ลูกให้พรรคเดโมแครต ทั้งที่รีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสองสภา และคณะบริหารของตนเองเป็นผู้ผลักดันนโยบายจากกฎหมายคนเข้าเมืองที่ก้าวร้าวเด็ดขาดนี้
ประมุขทำเนียบขาวพยายามเชื่อมโยงการยุตินโยบายที่ทำให้พ่อแม่ลูกต้องพรากจากกันกับการผ่านร่างกฎหมายคนเข้าเมืองที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนงบประมาณเพื่อสร้างกำแพงตลอดแนวพรมแดนติดกับเม็กซิโก ทำให้ถูกกล่าวหาจากเดโมแครตว่า ใช้เด็กเป็นตัวประกันเพื่อผลักดันแผนการนี้
ในวันอังคาร (19 มิ.ย.) ทรัมป์พยายามกล่าวโทษเดโมแครตซ้ำในสิ่งที่เขาเรียกว่า “ช่องโหว่” ของกฎหมายที่บังคับให้ครอบครัวต้องแยกจากกัน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คณะบริหารต้องการ และย้ำว่า รัฐสภาควรให้อำนาจตนเองในการควบคุมและเนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองทั้งครอบครัว
ส.ส. รีพับลิกันกำลังแก้ไขร่างกฎหมายปฏิรูปคนเข้าเมืองที่จะป้องกันการทำให้ครอบครัวพลัดพราก กรณีที่เป็นการลักลอบข้ามแดนครั้งแรก แม้ร่างนี้เริ่มได้รับการสนับสนุนมากขึ้น เทียบกับเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ยังดูเหมือนไร้ความหวัง แต่ยังไม่แน่ชัดว่า ถ้อยคำใหม่เกี่ยวกับการป้องกันการพรากพ่อแม่ลูกจะช่วยให้ผ่านความเห็นชอบได้หรือไม่
ร่างของรีพับลิกันในทั้งสองสภา ซึ่งถูกเดโมแครตและกลุ่มสนับสนุนสิทธิคนเข้าเมืองโจมตีนั้น จะให้งบสนับสนุนการสร้างกำแพงบริเวณชายแดน และลดการเข้าเมืองอย่างถูกกฎหมาย ส่วนหนึ่งด้วยการปฏิเสธการออกวีซ่าให้ญาติของผู้พำนักในสหรัฐฯ และพลเมืองที่อาศัยอยู่นอกประเทศบางกลุ่ม ซึ่งบางครั้งเรียกว่า “การอพยพตามกันในเครือญาติ”