เอเจนซีส์ - มหาเธร์เตรียมสาบานตนกลับเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียอีกครั้ง หลังพลิกล็อกคว้าชัยชนะถล่มทลายเหนือพรรคแนวร่วมแห่งชาติที่ผูกขาดปกครองแดนเสือเหลืองมาถึง 6 ทศวรรษนับจากประกาศเอกราชจากอังกฤษ ด้านนาจิบพยายามยื้ออำนาจสุดชีวิต อ้างไม่มีพรรคไหนได้ชัยชนะเด็ดขาด รอพระราชวินิจฉัยจากพระราชาธิบดี
มหาเธร์ โมฮัมหมัด แถลงในวันพฤหัสฯ (10) ว่า มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการจัดตั้งรัฐบาลทันที พร้อมยืนยันว่า จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในเวลา 17.00 น. (16.00 น.) ตามเวลาไทย
ผู้นำคนหนึ่งของพรรคปากาตัน ฮาราปัน (พันธมิตรแห่งความหวัง) เผยว่า สมเด็จพระราชาธิบดีมาเลเซียโปรดให้มหาเธร์เข้าเฝ้าเวลา 17.00 น.
มหาเธร์ปกครองมาเลเซียด้วยกำปั้นเหล็กระหว่างปี 1981-2003 และกำลังจะขึ้นสู่อำนาจอีกครั้งหลังได้รับชัยชนะเหนือความคาดหมายในวัย 92 ปี กลายเป็นผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งที่อายุมากที่สุดในโลก
สี่พรรคการเมืองที่เป็นพันธมิตรกับพรรคของมหาเธร์ร่วมกันเอาชนะพรรคแนวร่วมแห่งชาติ หรือบาริซัน เนชันแนล (บีเอ็น) ของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ที่เคยได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชูจากมหาเธร์ในอดีต ก่อนมาแตกคอจากเรื่องอื้อฉาวกองทุน 1มาเลเซีย ดิเวลอปเมนต์ เบอร์ฮัด (1เอ็มดีบี) ซึ่งเป็นกองทุนของรัฐบาลและถูกกล่าวหาว่า โยกย้ายเงินทุนแบบไม่ชอบมาพากลหลายพันล้านดอลลาร์
1เอ็มดีบีถูกตรวจสอบจากอย่างน้อย 6 ประเทศ ขณะที่นาจิบยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง อีกทั้งยังได้รับการรับรองจากอัยการใหญ่มาเลเซีย
อย่างไรก็ตาม มหาเธร์ประกาศระหว่างหาเสียงว่า จะสอบสวนกรณีอื้อฉาวนี้หากได้รับเลือกตั้ง และจะนำเงินที่ถูกยักยอกกลับคืนเข้าคลัง วันพฤหัสฯ เขายังย้ำว่า ถ้านาจิบทำผิดก็ต้องรับผลของการกระทำของตนเอง
เช้าวันเดียวกัน นาจิบแถลงยอมรับการตัดสินใจของประชาชน แต่ทักท้วงว่า มหาเธร์จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งได้อย่างไรในเมื่อไม่มีพรรคใดได้ชัยชนะเด็ดขาดในสภา และควรให้พระราชาธิบดีเป็นผู้ตัดสิน
นักวิเคราะห์พากันเตือนว่า นาจิบอาจพยายามซื้อเวลาเพื่อดึงสมาชิกพรรคอื่นที่แปรพักตร์มาเป็นพวกเพื่อยื้ออำนาจต่อแม้พ่ายแพ้หมดรูป ทั้งที่มีการกล่าวหาอย่างกว้างขวางว่า รัฐบาลของนาจิบใช้กลโกงต่างๆ เพื่อเอาชนะการเลือกตั้ง ซึ่งรวมถึงการแจกเงินและของกำนัลแก่ประชาชน และการสวมสิทธิ์จากชื่อคนตาย
ทั้งนี้ ผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการระบุว่า พรรคแนวร่วมของมหาเธร์ได้ที่นั่งในสภาทั้งสิ้น 113 ที่นั่ง มากกว่าจำนวนที่ต้องได้เพื่อให้ได้สิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาลเพียง 1 ที่นั่ง แต่ปัญหาก็คือ ไม่มีการจดทะเบียนในนามกลุ่มพันธมิตร
กระนั้น มหาเธร์ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคต่างๆ ยืนยันให้การสนับสนุนตน ซึ่งจะทำให้รัฐบาลชุดใหม่มีสมาชิกในสภาถึง 135 ที่นั่ง
สำหรับพรรคแนวร่วมบีเอ็นของนาจิบนั้นได้ที่นั่งไปทั้งสิ้น 79 ที่ จากที่เคยได้ถึง 133 ที่ในการเลือกตั้งปี 2013 จึงถือเป็นความพ่ายแพ้ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรรคแนวร่วมแห่งชาติ
ก่อนหน้าการเลือกตั้งมีผู้คนน้อยมากที่คาดว่า มหาเธร์จะล้มแนวร่วมบีเอ็นที่ได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นและยาวนานจากชาวมาเลย์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ของมาเลเซียสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม มหาเธร์จับมืออันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำทางการเมืองที่ถูกกลั่นแกล้งให้รับโทษในเรือนจำ และเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลังจนกระทั่งถูกปลดออกในปี 1998 เนื่องจากผิดใจกับมหาเธร์นั้น รวมถึงพันธมิตรฝ่ายค้านพรรคอื่นๆ โจมตีจุดอ่อนของรัฐบาลทั้งเรื่องปัญหาปากท้องประชาชนและคดีฉ้อฉล 1เอ็มดีบีที่รุมเร้านาจิบมาตั้งแต่ปี 2015
มหาเธร์ให้สัญญาไว้ว่า หนึ่งในภารกิจที่จะทำเป็นอันดับแรกคือ การขอพระราชทานอภัยโทษให้อันวาร์ ก่อนการเลือกตั้ง เขายังสัญญาว่า จะสละเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้หากอันวาร์ได้รับอิสรภาพ
ในส่วนวัน อาซิซาห์ วัน อิสมาอิล ภรรยาของอันวาร์ที่นั่งติดกับมหาเธร์ในระหว่างแถลงข่าวนั้น จะรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่
อันวาร์ถูกตัดสินจำคุกครั้งแรกจากการดำเนินการของมหาเธร์ ในข้อหาทุจริตและการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน เขาได้รับอิสรภาพในปี 2004 ก่อนถูกตัดสินจำคุกอีกครั้งในปี 2015 ในสมัยของนาจิบ