เอเอฟพี - มหาเธร์ โมฮัมหมัด ในวัย 92 ปีในวันพฤหัสบดี (10 พ.ค.) สาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กลายเป็นผู้นำอายุมากที่สุดในโลกที่มาจากการเลือกตั้ง หลังจากพรรคฝ่ายค้านของเขาสร้างความตกตะลึงด้วยการโค่นพรรคแนวร่วมแห่งชาติที่ผูกขาดปกครองแดนเสือเหลืองมาถึง 6 ทศวรรษ
ในการพลิกล็อกครั้งใหญ่ทางการเมือง พันธมิตรฝ่ายค้านของมหาเธร์ สามารถโค่นพรรคแนวร่วมแห่งชาติ หรือบาริซัน เนชันแนล (บีเอ็น) ของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ได้สำเร็จ ในขณะที่ บีเอ็น ผูกขาดปกครองประเทศแห่งนี้มาตั้งแต่มาเลเซียประกาศเอกราชจากอังกฤษในปี 1957
ผลการเลือกตั้งนับเป็นการหวนคืนสู่เวทีการเมืองอันน่าทึ่งของมหาเธร์ ผู้ซึ่งเคยปกครองมาเลเซียด้วยกำปั้นเหล็กระหว่างปี 1981-2003 และตัดสินใจกลับมาจากการปลดระวาง เพื่อโค่นนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค หลังจากผู้นำรายนี้เต็มไปด้วยเรื่องคอรัปชันอื้อฉาว
ในพิธีสาบานตนซึ่งจัดขึ้น ณ พระราชวังแห่งชาติในคืนวันพฤหัสบดี มหาเธร์ในชุดเครื่องแต่งกายตามประเพณีมาเลย์ ได้กล่าวสาบานตัวหน้าพระพักตร์สมเด็จพระราชาธิบดี สุลต่าน มูฮัมหมัดที่ 5 เพื่อเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางบรรดาพันธมิตรทางการเมืองและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
ขณะที่เขากล่าวคำสาบาน พลุดอกไม้ไฟก็ถูกจุดขึ้นเหนือท้องฟ้ายามราตรีของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ขณะที่ประชาชนออกมาเฉลิมฉลอง
“ข้าพเจ้า มหาเธร์ โมฮัมหมัด หลังจากได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ขอสาบานว่าจะทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ ผมจะภักดีต่อมาเลเซีย พิทักษ์และปกป้องรัฐธรรมนูญ” เขากล่าว ทั้งนี้ ระหว่างที่เขากล่าวสาบานตนนั้น พลุไฟถูกจุดขึ้นเหนือท้องฟ้ายามค่ำคืนทั่วกรุงกัวลาลัมเปอร์ ท่ามกลางการเฉลิมฉลองของประชาชน
ก่อนหน้านี้ มหาเธร์ พร้อมกับ สิติ ฮาชมาห์ โมฮาหมัด อาลี ภริยาของเขา นั่งรถยนต์แล่นเข้าสู่พระราชวังแห่งชาติ โดยผ่านแถวของผู้คนหลายร้อยคนที่มาคอยสนับสนุนให้กำลังใจ และพากันโบกธงชาติพร้อมกับร้องเพลงชาติ
โมฮามัด อัซลาน ชาห์ สมาชิกพรรคของมหาเธร์ ที่เป็นหนึ่งในฝูงชนกล่าวว่า “ผมรู้สึกภูมิใจมาก ความพยายามเปลี่ยนแปลงการเมืองมาเลเซียของเราไม่สูญเปล่า เราเชื่อว่ามหาเธร์สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้” เขาบอกกับเอเอฟพี