มาเลเซียเปิดคูหาเลือกตั้ง ชี้ชะตา “นาจิบ-มหาเธร์” ใครคว้าเก้าอี้นายกฯ

รอยเตอร์ - ศึกเลือกตั้งทั่วไปมาเลเซียเปิดฉากขึ้นแล้วในวันนี้ (9 พ.ค.) เป็นการแข่งขันที่คาดว่าจะดุเดือดที่สุดในรอบหลายปี ระหว่างกลุ่มพรรครัฐบาลของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค กับฝ่ายค้านที่นำโดยมหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกฯ ผู้ทรงอิทธิพลที่ตัดสินใจหวนคืนสู่สังเวียนการเมืองอีกครั้งในวัย 92 ปี

นักวิเคราะห์เชื่อว่ากลุ่มบาริซาน เนชันแนล (บีเอ็น) ของนาจิบ ยังจะเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะ แม้ผลสำรวจก่อนวันเลือกตั้งจะพบว่าคะแนนนิยมของรัฐบาลตกต่ำลง ขณะที่พันธมิตร มหาเธร์ มีแนวโน้มจะกวาดคะแนนเสียงได้เพิ่มขึ้นในมาเลเซียตะวันตกซึ่งมีประชากรอยู่ถึง 80% ของทั้งประเทศ

การเลือกตั้งในมาเลเซียใช้ระบบใครได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ก็ถือเป็นผู้ชนะได้ที่นั่งในเขตเลือกตั้งนั้นไปแต่เพียงผู้เดียว (first-past-the-post voting system) และพรรคการเมืองหรือกลุ่มพรรคซึ่งได้ ส.ส.เยอะสุดจากทั้งหมด 222 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรก็จะเป็นฝ่ายได้จัดตั้งรัฐบาล

“ผมเชื่อว่าตอนนี้บีเอ็นยังได้เปรียบกว่า เพราะยึดหัวหาดที่มาเลเซียตะวันออกไว้ได้เกือบหมด” โมฮาเหม็ด นาวาบ โมฮาเหม็ด ออสมาน ผู้เชี่ยวชาญด้านมาเลเซียจากวิทยาลัยนานาชาติศึกษา เอส. ราชารัตนัม ในสิงคโปร์ ให้ความเห็น “อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างที่เรากำลังพูดถึงมันค่อนข้างแคบมาก”

ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 14.9 ล้านคนเริ่มเข้าคิวหย่อนบัตรลงคะแนนตั้งแต่เวลา 08.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (07.00 น. ในไทย) โดยคูหาเลือกตั้งจะปิดในเวลา 17.00 น. ส่วนการนับคะแนนคาดว่าจะแล้วเสร็จเป็นส่วนใหญ่ก่อนเวลาเที่ยงคืน แต่ก็อาจยืดยาวไปจนถึงเช้าของวันพฤหัสบดี (10)

ผลสำรวจโดยศูนย์เมอร์เดกา (Merdeka Center) พบว่า ส่วนแบ่งป็อปปูลาร์โหวตของรัฐบาลบีเอ็นในมาเลเซียตะวันตกลดลงเหลือ 37.3% จากระดับ 40.3% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่กลุ่มพันธมิตรแห่งความหวัง (Pakatan Harapan) ของอดีตนายกฯ มหาเธร์ มีสัดส่วนคะแนนอยู่ที่ 43.4% ลดลงเล็กน้อยเช่นกัน

ศูนย์เมอร์เดกาประเมินว่า บีเอ็นจะชนะในเขตเลือกตั้ง 100 เขตทั่วประเทศ ขณะที่ฝ่ายค้านจะได้ไปเพียง 83 เขต นั่นหมายความว่าจะไม่มีฝ่ายใดได้ ส.ส.ถึง 112 คนพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก และต้องรอลุ้นผลชี้ขาดใน 37 เขตเลือกตั้งซึ่งเวลานี้ยังยากจะฟันธงว่าฝ่ายไหนชนะ

กลุ่มบีเอ็นแพ้ป็อปปูลาร์โหวตเป็นครั้งแรกในศึกเลือกตั้งเมื่อปี 2013 แต่ยังคงได้ ส.ส.ถึง 133 คน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าหากคราวนี้ นาจิบ ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ก็อาจถูกคนในพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) กดดันให้สละตำแหน่งหัวหน้าพรรคในศึกเลือกตั้งครั้งถัดไป

นาจิบ ได้ออกมาวิงวอนขอคะแนนเสียงจากคนหนุ่มสาวมาเลเซียในช่วงโค้งสุดท้ายเมื่อค่ำวันอังคาร (8) โดยให้สัญญาว่ารัฐบาลบีเอ็นจะยกเว้นภาษีเงินได้แก่พลเมืองที่อายุต่ำกว่า 26 ปี ประกาศวันหยุด 2 วันในช่วงต้นเดือนรอมฎอนซึ่งจะเริ่มในสัปดาห์หน้า และงดเก็บค่าทางด่วน 5 วันในช่วงเทศกาลตรุษอิดีลฟิฏรี ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองหลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอน

ทางด้าน มหาเธร์ ก็เตือนชาวมาเลเซียว่าอย่าหลงติดกับดัก “สินบน”

“อย่าเห็นแก่เงินแค่เล็กๆ น้อยๆ และยอมเอาประเทศไปจำนำตลอดกาล” เขากล่าว

รัฐบาลบีเอ็นมีชาวมุสลิมมาเลย์เป็นฐานเสียงที่เข้มแข็ง ด้วยนโยบาย “ภูมิปุตรา” ซึ่งเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มเชื้อชาติมาเลย์ได้รับโอกาสเข้าถึงสัมปทานของรัฐ ซื้อที่อยู่อาศัยได้ในราคาถูก และได้โควตาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยต่างๆ

มูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นและการทุ่มงบประมาณอุดหนุนโครงสร้างพื้นฐานยังทำให้เศรษฐกิจมาเลเซียเติบโตถึง 5% ภายใต้การบริหารของ นาจิบ

อย่างไรก็ตาม ข่าวการยักยอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์ออกไปจากกองทุน วัน มาเลเซีย ดีเวลลอปเมนต์ เบอร์ฮัด (1MDB) ที่ นาจิบ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2009 ก็ทำให้คะแนนนิยมของผู้นำเสือเหลืองรายนี้ตกต่ำลงมาก แม้เจ้าตัวจะยืนกรานว่าไม่ได้ทำผิด และอัยการสูงสุดได้ประกาศเคลียร์ข้อกล่าวหาให้แล้วก็ตาม