ล็อกถล่ม! ฝ่ายค้านจารึกประวัติศาสตร์ชนะเลือกตั้งมาเลเซีย

รอยเตอร์/เอเอฟพี - พันธมิตรฝ่ายค้านที่นำโดยมหาเธร์ โมฮัมหมัด คว้าชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ในศึกเลือกตั้งมาเลเซีย จากผลอย่างเป็นทางการที่ประกาศในวันพฤหัสบดี (10 พ.ค.) สิ้นสุดช่วงเวลา 6 ทศวรรษที่อยู่ภายใต้การปกครองของแนวร่วมแห่งชาติ BN

ผลอย่างเป็นทางการของคณะกรรมการเลือกตั้งพบว่าพรรคฝ่ายค้าน ปากาตัน ฮาราปัน รวมกับพรรคการเมืองหนึ่งในรัฐชาบาห์ บนเกาะบอร์เนียว ซึ่งเป็นพันธมิตรกัน คว้าเก้าอี้ได้รวมทั้งสิ้น 115 ที่นั่ง ขณะที่เสียงข้างมากในรัฐสภาสำหรับจัดตั้งรัฐบาลอยู่ที่ 112 เสียง

มหาเธร์ ซึ่งจะกลายมาเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอายุมากสุดในโลก ได้หวนคืนจากการวางมือทางการเมือง กลับมาโค่นอำนาจของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ผู้ที่แปดเปื้อนไปด้วยเรื่องคอร์รัปชันอื้อฉาว “ผมไม่ได้ต้องการหาทางแก้แค้น ผมแค่ต้องการกอบกู้หลักนิติธรรม” เขาประกาศชัยชนะผ่านผู้สื่อข่าว

ก่อนหน้านี้ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการบ่งชี้ว่าผลการเลือกตั้งน่าจะเข้าทางพันธมิตรของมหาเธร์ ดังนั้นอดีตนายกรัฐมนตรีวัย 92 ปีรายนี้ จึงแสดงความเชื่อมั่นว่า ปากาตัน ฮาราปัน (พันธมิตรแห่งความหวัง) จะเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะ

“เราเชื่อเช่นนั้น เพราะจากการนับคะแนนอย่างเป็นทางการของเรา พบว่าพวกเขาตามหลังห่างมาก มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล” มหาเธร์บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ก่อนคณะกรรมการเลือกตั้งจะประกาศผลอย่างเป็นทางการ

เมื่อช่วงค่ำวันพุธ (9 พ.ค.) ผลการนับคะแนนเบื้องต้นพบว่าแนวร่วมแห่งชาติ BN สูญเสียที่นั่งในรัฐสำคัญๆ ที่เคยเป็นป้อมปราการเก่าแก่ของพวกเขา เพิ่มความเป็นไปได้ว่าแนวร่วมแห่งชาติ BNอาจถูกโหวตขับพ้นจากอำนาจเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ทศวรรษนับตั้งแต่มาเลเซียแยกตัวเป็นเอกราชจากอังกฤษ

BN ต้องเผชิญความท้าทายใหญ่หลวงในศึกเลือกตั้งครั้งนี้อย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน ท่ามกลางความขุ่นเคืองของประชาชนต่อค่าครองชีพ และเรื่องอื้อฉาวหลายพันล้านดอลลาร์ที่ห้อมล้อม นาจิบ มาตั้งแต่ปี 2015

ผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักโพลหนึ่งก่อนหน้าการเลือกตั้ง บ่งชี้ว่าคะแนนนิยมของ BN กำลังลดน้อยถอยลงและพันธมิตรของมหาเธร์จะได้รับคะแนนโหวตมากสุดบนแหลมมลายู ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของพลเมืองมาเลเซียราวๆ 80%

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ระบบการเลือกตั้งของมาเลเซีย พรรคใดพรรคหนึ่งหรือพันธมิตรจำเป็นต้องครองเสียงข้างมากในรัฐสภาเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่ามันอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมของนายกรัฐมนตรีนาจิบเช่นกัน

รัฐบาล BN มีชาวมุสลิมมาเลย์เป็นฐานเสียงที่เข้มแข็ง ด้วยนโยบาย “ภูมิปุตรา” ซึ่งเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มเชื้อชาติมาเลย์ได้รับโอกาสเข้าถึงสัมปทานของรัฐ ซื้อที่อยู่อาศัยได้ในราคาถูก และได้โควตาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยต่างๆ

นอกจากนี้แล้ว มูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นและการทุ่มงบประมาณอุดหนุนโครงสร้างพื้นฐานยังทำให้เศรษฐกิจมาเลเซียเติบโตถึง 5% ภายใต้การบริหารของ นาจิบ

แต่ข่าวการยักยอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์ออกไปจากกองทุน วัน มาเลเซีย ดีเวลลอปเมนต์ เบอร์ฮัด (1MDB) ที่ นาจิบ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2009 ก็ทำให้คะแนนนิยมของผู้นำเสือเหลืองรายนี้ตกต่ำลงมาก แม้เจ้าตัวจะยืนกรานว่าไม่ได้ทำผิด และอัยการสูงสุดได้ประกาศเคลียร์ข้อกล่าวหาให้แล้วก็ตาม