xs
xsm
sm
md
lg

In Pics : ประเทศนี้ต้องเปลี่ยน!! นักเรียนทั่วสหรัฐฯเป็นแสนจับมือ “มาร์ชทั่วอเมริกาเพื่ออยู่รอด” ต่อต้านปืนสงครามในมือพลเมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/MGR ออนไลน์ - เมื่อวานนี้ (24 มี.ค.) นักเรียนมัธยมปลายทั่วสหรัฐฯ รวมตัวนับแสนคน กลางกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และตามเมืองใหญ่ทั่วประเทศ เดินขบวน “มาร์ชเพื่อชีวิตพวกเรา” (March For Our Lives) เรียกร้องผลักดันไม่ให้อาวุธปืนเทียบเท่าอาวุธสงครามตกอยู่ในมือพลเรือน และการควบคุมอาวุธปืน เรียกร้องอเมริกันรุ่นใหม่ร่วมมือเปลี่ยนอเมริกาผ่านเลือกตั้งครั้งแรกสมัยกลางเทอมที่จะถึง ประกาศประเทศนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลง

สื่อทั่วโลกรายงานเมื่อวานนี้ (24 มี.ค.) ว่า เป็นเวลา 4 นานี 25 วินาที เอ็มมา กอนซาเลซ (Emma Gonzalez) อายุ 18 ปี จากโรงเรียนมัธยมปลายมาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส ไฮ (Marjory Stoneman Douglas High) หยุดทุกลมหายใจของฝูงชนจำนวนร่วมหลายแสนทีรวมตัวมารช์เปลี่ยนประเทศ เล่าเรื่องราวของเธอผ่านทั้งน้ำตา

ก่อนหน้ากอนซาเลซได้ประกาศรายชื่อเพื่อนนักเรียนและอาจารย์ที่เสียชีวิตจากการถูกยิงเมื่อ 5 สัปดาห์ก่อนหน้า และใช้เวลาบนเวที 6 นาที 20 วินาทีบนเวทีเท่ากับเวลาที่มือปืนกราดยิงใช้ในการสังหารบรรดานักเรียนและครูภายในโรงเรียนมัธยมปลาย ในปาร์กแลนด์ รัฐฟลอริดา อ้างอิงจากเดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ

“ไม่มีใครสามารถประเมินได้ถึงความหายนะที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์แล้ว หรือมันจะลุกลามไปมากเท่าใดหรือไปไกลเพียงใด” เธอกล่าวและชี้ต่อว่า “และพวกที่ไม่สามารถประเมินได้เป็นเพราะพวกเขาไม่ปฏิเสธที่จะไม่ต้องการ และดิฉันจะบอกให้ก็ได้ว่ามันไปจะไปที่ไหน อยู่ที่ข้างล่างนี้ 6 ฟุตลึกลงไป”

DW สื่อเยอรมนีรายงานว่า การเดินขบวนทั่วสหรัฐฯ ของบรรดาเยาวชนอเมริกันภายใต้สโลแกน “มาร์ชเพื่อชีวิตพวกเรา” (March For Our Lives) เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์อดีตนักเรียนใช้อาวุธปืนกราดยิงในโรงเรียนรัฐฟลอริดาจนเสียชีวิตไป 17 รายเมื่อวันที่ 14 ก.พ.

นอกเหนือจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.แล้ว พบว่าการเดินขบวนยังเกิดขึ้นอีก 800 แห่งทั่วสหรัฐฯ ไปตามเมืองใหญ่ต่างๆ เป็นต้นว่า เมืองชิคาโก เมืองซานฟรานซิสโก เมืองบอสตันและตลอดทั้งวันมีการถ่ายทอดสดโดยสถานีโทรทัศน์ MSNBC ที่ทำการถ่ายทอดสด

บรรดาตัวแทนนักเรียนต่างเดินขึ้นเวที เล่าเรื่องถึงประสบการณ์การสูญเสียคนที่รัก หรือการต้องใช้ชีวิตภายใต้ความรุนแรงของอาวุธปืนในอเมริกา ที่ต้องฝึกหลบกระสุนด้วยตัวเองระหว่างเดินทางมาโรงเรียน และมาตรการรักษาความปลอดภัยในโรงเรียนสหรัฐฯ ไม่ต่างจากเรือนจำที่จำเป็นต้องมีการตรวจค้นกระเป๋า และผ่านเครื่องตรวจจับโลหะก่อนเข้าห้องเรียนทุกวัน

ทั้งนี้ สื่อเยอรมนีรายงานว่า นอกจากนี้ยังพบว่า เมืองต่างๆ ทั่วโลกในวันเสาร์ (24) ร่วมมือเดินขบวนร่วมกับนักเรียนในสหรัฐฯ เป็นต้นว่า เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส และสวิตเซอร์แลนด์

MSNBC รายงานว่า การประท้วงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวานนี้ (24) มีคนที่มีชื่อเสียงตบเท้าเข้าร่วมด้วย เป็นต้นว่า ผู้กำกับชื่อดัง สตีเวน สปีลเบิร์ก หรือดาราฮอลลีวูด เช่น จอร์จ คลูนีย์ และภรรยา อามาล คลูนีย์ คิม คาเดเชียน และคานเย เวสต์ เป็นต้น แต่คนเหล่านั้นไม่ต้องการขึ้นเวทีเพื่อแสดงตัวแต่ยืนอยู่ข้างล่างร่วมฟังการปราศรัย

เวทีที่ถูกจัดขึ้นในการประท้วงต่อต้านปืนทั่วสหรัฐฯ มีแต่นักเรียนตั้งแต่ระดับประถมไปจนถึงมัธยมปลายขึ้นเวที เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของตัวเองต่อต้านความรุนแรงจากอาวุธปืน

DW รายงานว่า ผู้จัดงานการประท้วงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. หวังว่า จำนวนผู้เข้าร่วมการประท้วงจะมากเท่ากับการจัดงานการเดินขบวนเพื่อผู้หญิงในปีที่ผ่านมา ซึ่งการประท้วงครั้งนั้นถือว่าเป็นการประท้วงที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ นับตั้งแต่การประท้วงต่อต้านสงครามเวียดนาม

เดวิด ฮอกก์ (David Hogg) เหยื่อผู้รอดชีวิตจากโรงเรียนมัธยมปลายมาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส ไฮ ประกาศต่อฝูงชนว่า “ถ้าพวกคุณฟังอย่างตั้งใจ พวกคุณจะรู้ว่คนที่มีอำนวจอยู่ในมือเวลานี้กำลังสั่นด้วยความกลัว”

และฮอกก์ซึ่งเป็นที่รู้จักหลังเหตุการณ์กราดยิง ประกาศต่อว่า “พวกเราจะไล่พวกเจ้าหน้าที่รัฐที่สนใจแต่พวกล็อบบี้ยิสต์กลุ่มอาวุธปืนเท่านั้น”

CNN สื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า ระหว่างการเดินขบวนของเด็กนักเรียนอยู่นั้น สมาคมอาวุธปืนแห่งชาติสหรัฐฯ NRA ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อต้านทันทีผ่านทางเฟซบุ๊กวันเสาร์ (24) โดยชี้ว่า การเดินขบวนมาร์ชเพื่อชีวิตพวกเรานั้น “เป็นฝีมือการจัดฉากของพวกบรรดาเศรษฐีเกลียดปืนและพวกชนชั้นนำของฮอลลีวูด ชักใยและหลอกใช้เด็กๆ ในแผนการส่วนหนึ่งของพวกเขาที่จะทำลายสิทธิพลเมืองสหรัฐฯข้อ 2 (ที่ว่าด้วยสิทธิการมีอาวุธปืน) และการถอดสิทธิการปกป้องตัวเองของพวกเรา และคนอันที่รักของพวกเรา”

ในวันเสาร์ (24) ตั้งแต่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ไปจนถึงรัฐยูทาห์ มีการรวมตัวกลุ่มเล็กๆ เพื่อปกป้องสิทธิพลเมืองสหรัฐฯที่สามารถมีอาวุธปืนได้

ขณะเดียวกัน บนเวทีเมืองหลวงของสหรัฐฯ หลานสาวของอดีตนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนผิวสี ดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ได้ใช้เวทีในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เล่าเรื่องของเธอเช่นกัน “คุณปู่ของดิฉันมีความฝันว่าลูกเล็กๆ ทั้ง 4 คนของท่านจะไม่ถูกตัดสินแค่จากสีผิวของพวกเขา แต่ตัดสินจากเนื้อแท้ที่พวกเขาเป็น” โยลันดา รีนี คิง (Yolanda Renee King) อายุ 9 ปีกล่าว และกล่าวต่อฝูงชนว่า “ดิฉันมีความฝันว่า มันต้องพอกันเสียที และโลกนี้ต้องปราศจากอาวุธปืน”

ในการประกาศทางสาธารณะทั้งในฝั่งเวทีกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และเมืองใหญ่ๆทั่วสหรัฐฯ บรรดานักเรียนต่างออกมาเรียกร้องให้คนรุ่นใหม่ร่วมลงทะเบียนเลือกตั้งเพื่อใช้การเปลี่ยนแปลงผ่านการใช้สิทธิเลือกตั้งกลางเทอม พวกเขาต่างประกาศเรียกร้อง “พวกโหวตครั้งแรก” (First time Voter) เดอะฮิล สื่อการเมืองสหรัฐฯ รายงานว่า ในระหว่างการเดินขบวนเรียกร้องการควบคุมอาวุธปืน พบว่ามีคนจำนวนหลายพันคนได้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้ง อ้างอิงจากรอยเตอร์พบว่า มีจำนวนอย่างน้อย 4,000 คนได้ลงทะเบียนไปแล้วภายในเวลา 20.00 น.ของวันเสาร์ (24)

เดอะฮิลชี้ว่า มีจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิมากขึ้นตามจำนวนการเดินขบวนในเมืองต่างๆทั่วสหรัฐฯ ซึ่งบรรดาเหยื่อผู้รอดชีวิตจากโรงเรียนมัธยมปลายมาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส ไฮต้องการให้จำนวนผู้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นเสมือนแผนการลงมืออย่างเป็นรูปธรรมของพวกเขา

ซารี คอฟแมน (Sari Kaufman) จากโรงเรียนแห่งนี้ขึ้นกล่าวต่อผู้เข้าร่วมการประท้วงว่า “ในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ พวกเราต้องการให้การออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งสะเทือนประวัติศาสตร์ไม่แค่เฉพาะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งต่อไป ไม่ใช่แค่ในการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งต่อไป แต่เป็นการเลือกตั้งทุกครั้ง” คอฟแมนเปิดเผยกับรอยเตอร์

“พวกเรามาที่นี่เพื่อให้เครื่องมือแก่พวกคุณเพื่อทำการเปลี่ยนแปลง” คอฟแมนประกาศ

เดอะฮิลรายงานว่า สำหรับการประท้วงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ในวันเสาร์ (24) มีการประมาณตัวเลขผู้เข้าร่วมว่ามีราว 800,000 คน

ด้าน CNN สื่อสหรัฐฯชี้ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งในวันเสาร์ (24) อยู่ที่พักส่วนตัว มาร์-อา-ลาโก (Mar-a-Lago) ออกแถลงการณ์สนับสนุนการเดินประท้วงต่อต้านความรุนแรงอาวุธปืนของนักเรียนว่า

“พวกเราขอปรบมือให้ต่อบรรดาคนอเมริกันรุ่นใหม่ที่ใช้สิทธิพลเมืองสหรัฐฯ ข้อแรก (สิทธิว่าด้วยการแสดงความคิดเห็น) การทำให้เด็กๆ ของพวกเรานั้นปลอดภัยถือเป็นงานแรกที่สำคัญที่สุดของประธานาธิบดีสหรัฐฯ”

ในขณะเดียวกัน อดีตผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้แสดงความเห็นผ่านทวิตเตอร์ด้วยเช่นกัน “มิเชลและผมได้แรงบันดาลใจจากบรรดาคนรุ่นใหม่ที่ร่วมเดินขบวนวันนี้ ขอให้เป็นเช่นนี้ พวกคุณกำลังนำหน้าพวกเรา ไม่มีสิ่งใดสามารถขวางต่อคนจำนวนมหาศาลที่เรียกร้องเพื่อการเปลี่ยนแปลง”

ทั้งนี้ พบว่าตลอดทั้งวันเสาร์ (24) ที่มีการถ่ายถอดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ MSNBC พบว่ามีการถ่ายทอดวิดีโอคลิปของกลุ่มอดีตทหารสหรัฐฯ ที่ต่อต้านการอนุญาตอาวุธปืนที่มีความร้ายแรงเทียบเท่าอาวุธสงครามให้อยู่ในมือพลเรือน โดยคนเหล่านี้ประกาศชื่อ ยศ และอาวุธปืนที่ตัวเองใช้ในระหว่างปฏิบัติภารกิจ และประเทศที่พวกเขาถูกส่งไปเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหาร

โดยในตอนท้ายของวิดีโอคลิป ทุกคนต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า อาวุธปืนที่มีอานุภาพร้ายแรงที่สุดที่ถูกอนุญาตให้อยู่ในมือพลเมืองสหรัฐฯ นั้นมีความร้ายแรงไม่ต่างจากอาวุธปืนสงครามที่พวกเขาต่างใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ในอิรัก และอัฟกานิสถาน












กำลังโหลดความคิดเห็น