xs
xsm
sm
md
lg

In Clip :เปิดต่อเนื่อง!!อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงของทรัมป์ “แอบช่วยรัสเซียจากทำเนียบขาว” มีบ.ค้าอาวุธเครมลินเกี่ยวข้อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ – "ไมเคิล ฟลินน์" อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงสหรัฐฯ ถูกคณะกรรมาธิการคองเกรสตรวจสอบว่า ฟลินน์ ได้ใช้ทำเนียบขาวเป็นฐานบัญชาการ แอบช่วยรัสเซียแบบลับๆ ผลักดันสร้างโรงงานพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์ครั้งใหญ่ในตะวันออกกลาง อ้างเป็นตัวกระตุ้นร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ-รัสเซียในอ่าวอาหรับ แต่มีชื่อบริษัทค้าอาวุธเครมลินถูกคว่ำบาตรร่วมอยู่ด้วย และลากยาวต่อไปถึงทรัมป์และทิลเลอร์สัน

หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนรายงานวันนี้(13 ก.ย)ว่า รายงานที่ถูกเปิดเผยในวันพุธ(13 ก.ย)โดยสมาชิคณะกรรมาธิการในฝั่งพรรคเดโมแครตที่กำลังดำเนินการสอบสวน ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงประจำทำเนียบขาวคนแรกของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ทำงานได้แค่เดือนเดียวเท่านั้นก่อนถูกไล่ออกว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการผุดโปรเจกต์ยักษ์เพื่อมอสโกหรือไม่ ซึ่งมีชื่อบริษัทค้าอาวุธที่มีเครมลินเป็นเจ้าของปรากฎอยู่ด้วย

ทั้งนี้การค้นพบหลักฐานความเชื่อมโยงใหม่ล่าสุดของทางคณะกรรมาธิการสภาคองเกรส เกิดมากจากการเปิดเผยข้อมูลของ 2 บริษัทที่ปรึกษาที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้คือบริษัทโคไดนามิคส์(Co Dynamics) และบริษัทเอคู สแตรเทจิก พาร์ทเนอร์ส์( ACU Strategic Partners) ซึ่งออกมาระบุถึงรายละเอียดการเดินทางลับของฟลินน์ไปยังตะวันออกกลางในปี 2015 เพื่อเสนอโครงการพลังงานรัสเซียต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างชาติ

ซึ่งในรายงานคณะกรรมาธิการสภาคองเกรสระบุว่า อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงรายนี้ ปฎิเสธที่จะเข้าให้การเพื่อชี้แจงรายละเอียดการเดินทางที่เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน 2015 แต่ไม่ได้ปฎิเสธต่อข้อกล่าวหาการเดินทางไปตะวันออกกลางที่ว่านี้ และรวมไปถึงการติดต่อต่างชาติที่เขาปิดบังในระหว่างการขอต่ออายุการเข้าถึงชั้นความลับสหรัฐฯในปี 2016 และปิดบังจากคณะสอบสวนในการตรวจสอบประวัติของเขาในขณะนั้น

อ้างอิงจากรายงานของคณะกรรมาธิการซึ่งได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าว 3 คนว่า ประเทศที่ฟลินน์เดินทางไปในครั้งนั้นคือ อียิปต์ และอิสราเอล เพิอหาเสียงสนับสนุนในโปรเจกต์ความร่วมมือทางพลังงานที่มีรัสเซียและสหรัฐฯเป็นโต้โผใหญ่ โดยอ้างว่าหากโปรเจกต์นี้เกิดขึ้นมาได้จริง จะเป็นเสมือนตัวผลักดันความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯและรัสเซียในตะวันออกกลางให้เกิดขึ้น ซึ่งในรายงานระบุว่า ฟลินน์ได้มีโอกาสพบกับเจ้าหน้าที่อียิปต์ในเวลานั้น

ทั้งนี้พบว่า แผนการสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ว่านี้เกิดมาจากไมเคิล ฟลินน์ ที่ร่วมมือกับบริษัทที่ปรึกษาทั้งสอง คือบริษัทโคไดนามิคส์ และบริษัทเอคู สแตรเทจิก พาร์ทเนอร์ส์ โดยในแผนการพบว่า ฟลินน์ต้องการให้มีการจัดตั้งพันธมิตรความร่วมระหว่างชาติครั้งใหญ่ที่สุด

***ประกอบไปด้วยบริษัทจาก สหรัฐฯ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ ชาติอ่าวอาหรับ อังกฤษ ยูเครน และอิสราเอล เพื่อสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ถึง 40 โรง และรวมไปถึงการจัดการ****

ซึ่งหนึ่งในสไลด์ที่เปิดเผยต่อคณะกรรมาธิการรัฐสภาสหรัฐฯได้เอ่ยชื่อไปถึง “โรโซโบรอน” (Rosoboron) ซึ่งเป็นบริษัทขายอาวุธที่มีรัฐบาลรัสเซียเป็นเจ้าของ และถูกสหรัฐฯคว่ำบาตรในเวลานี้ ได้ถูกระบุในรายงานว่า เป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลความมั่นคงของภูมิภาคทั้งหมด

เดอะการ์เดียนรายงานว่า พบว่า แม้ว่าอดีตที่ปรึกษาความมั่นคงประจำทำเนียบขาวจะถูกให้ออกจากตำแหน่งไปแล้ว แต่กลับพบว่า แผนการสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของรัสเซียยังคงถูกใช้ต่อไปเป็นหนึ่งแผนเสนอแนวนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลทรัมป์

โดย โทมัส คอชราน( Thomas Cochran) จากบริษัทเอคูที่เข้าให้การ ได้กล่าวว่า เขาเชื่อมั่นว่า แผนสร้างโรงงานนิวเคลียร์นี้ประธานาธิบดีทรัมป์ และรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ต้องเคยผ่านตามาแล้วอย่างแน่นอน โดยชี้ว่า โปรเจกต์นี้ถือเป็นการใช้ภาคเอกชนภาคส่วนที่สำคัญ เป็นตัวผลักดันในการช่วยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและรัสเซียกลับฟื้นคืนมาอีกครั้ง

ในรายงานได้ชี้ว่า ในช่วงนระหว่างที่ไมเคิล ฟลินน์ยังคงทำงานอยู่ในตำแหน่งที่ทำเนียบขาว เขาเลือกที่จะปิดบังถึงการติดต่อกับต่างชาติไว้ สื่ออังกฤษชี้

และในอีเมลลูกโซ่ 2 ฉบับที่ถูกเปิดเผยต่อคณะกรรมาธิการ ได้พบว่า ฟลินน์และคนอื่นๆได้ทำการติดต่อกับ พลตรีแห่งกองทัพจอร์แดน โอมาร์ อัล –คาลดี(Omar al-Khaldi) ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานกลางการออกแบบและพัฒนาของกษัตริย์จอร์แดน

เดอะการ์เดียนรายงานว่า และในรายงานของสภาคองเกรสยังได้ระบุต่อว่า ในขณะนี้ทางคณกรรมธิการกำลังตรวจสอบหาหลักฐานพิสูจน์ว่า ชุดรัฐบาลของทรัมป์ยังคงเดินหน้าต่อตามแผนการในโครงการสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ของรัสเซีย หลังจากที่ฟลินน์ได้ถูกให้ออกจากการทำหน้าที่แล้วหรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น