xs
xsm
sm
md
lg

จนท.ทำเนียบขาวย้ำยังไม่เกิดสงครามนิวเคลียร์ โซลยัน'นุก'โสมแดงต้องพัฒนาอีกเป็นปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<i>สภาพจุดเฝ้าตรวจแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ พื้นที่เขตปลอดทหารที่แบ่งแยกเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้  ในเขตเมืองปาจู ของเกาหลีใต้  เมื่อวันจันทร์ (14 ส.ค.) ทั้งนี้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีกำลังตึงเครียด  แต่เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯและเกาหลีใต้ ออกมาแถลงปลอบใจในช่วงวันสองวันนี้ว่า สงครามนิวเคลียร์จะยังไม่เกิดขึ้นในช่วงนี้ </i>
รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – “โซล-วอชิงตัน” ร่วมคลายกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดอันเกิดจากโครงการนุกโสมแดง รัฐมนตรีช่วยกลาโหมเกาหลีใต้ยันเทคโนโลยีการนำจรวดกลับสู่ชั้นบรรยากาศของเปียงยางยังต้องพัฒนาอีก 1-2 ปีเป็นอย่างน้อย นอกจากนั้นผู้นำโสมขาวก็ออกมาย้ำความจำเป็นในการคลี่คลายปัญหาด้วยสันติวิธี ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ขานรับว่า ไม่มีข้อมูลข่าวกรองบ่งชี้ว่า จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ในอนาคตอันใกล้ ด้านจีนเตือนสติทรัมป์ ย้ำการโยงประเด็นการค้ากับสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

ความกังวลว่า เกาหลีเหนือใกล้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ที่สามารถโจมตีถึงแผ่นดินใหญ่อเมริกา กระตุ้นให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แถมประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กับฝ่ายโสมแดง ยังออกมาใช้ถ้อยคำโวหารข่มขู่ตอบโต้กันอย่างดุเดือดรุนแรงอยู่หลายวันในสัปดาห์ที่แล้ว

ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์บอกว่า กองทัพสหรัฐฯ “ล็อคเป้าและบรรจุอาวุธพร้อมแล้ว” เพื่อตอบโต้การกระทำอันโง่เขลาของเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ดี บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอเมริกาเรียงหน้าออกมายืนยันว่า ไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ในเร็วๆ นี้

ด้านประธานาธิบดีมุน แจอินของเกาหลีใต้ กล่าวระหว่างการประชุมกับผู้ช่วยและที่ปรึกษาอาวุโสเมื่อวันจันทร์ (14 ส.ค.) ว่า จะต้องไม่เกิดสงครามบนคาบสมุทรเกาหลีอีก และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สถานการณ์นิวเคลียร์เกาหลีเหนือจะต้องได้รับการแก้ไขอย่างสันติ

มุนยังแสดงความมั่นใจว่า อเมริกาจะรับมือสถานการณ์ปัจจุบันอย่างรอบคอบและมีความรับผิดชอบเช่นเดียวกับเกาหลีใต้

ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน (13) ซูห์ ชูซัค รัฐมนตรีช่วยกลาโหมเกาหลีใต้ ให้สัมภาษณ์ทางทีวีว่า โซลและวอชิงตันไม่เชื่อว่า เกาหลีเหนือมีเทคโนโลยีการนำจรวดกลับสู่ชั้นบรรยากาศที่สมบูรณ์ในแง่วิศวกรรมวัสดุ และถึงแม้ไม่อาจระบุเวลาที่แน่นอนได้ แต่เชื่อว่า โสมแดงจะต้องใช้เวลาพัฒนาเทคโนโลยีนี้ต่อไปอีกอย่างน้อย 1-2 ปี

ซูห์เสริมว่า มีแนวโน้มว่า เปียงยางจะยังคงมีพฤติกรรมยั่วยุ ซึ่งรวมถึงการทดสอบนิวเคลียร์ แต่เขาไม่เห็นความเสี่ยงใหญ่โตว่า เกาหลีเหนือจะเข้าสู่ความขัดแย้งทางทหารที่แท้จริง
<i>ไมค์ พอมเพโอ ผู้อำนวยการซีไอเอ (ภาพจากแฟ้ม)  เขาพูดในวันอาทิตย์ (13 ส.ค.) ว่า เวลานี้ไม่ได้มีภัยคุกคามว่ากำลังจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือ </i>
<i>พล.ท. เอช. อาร์. แมคมาสเตอร์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว  (ภาพจากแฟ้ม)  เขาออกมากล่าวในวันอาทิตย์ (13 ส.ค.) ว่า เวลานี้สหรัฐฯไม่ได้ขยับใกล้ถึงจุดทำสงครามกับเกาหลีเหนือมากกว่าเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน  แต่เทียบกับเมื่อ 1 ทศวรรษก่อนแล้ว ก็ขยับใกล้เข้าไปมากทีเดียว </i>
ทางด้าน ไมค์ พอมเพโอ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ก็กล่าวทางทีวีอเมริกันในวันเดียวกันว่า คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะเดินหน้าพัฒนาโครงการขีปนาวุธต่อ จึงไม่น่าแปลกใจที่เปียงยางจะมีการทดสอบอาวุธอีก

อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการซีไอเอยังบอกผ่านรายการฟ็อกซ์ นิวส์ ซันเดย์ว่า ไม่ได้รับข้อมูลข่าวกรองว่า จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือในเร็วๆ นี้อย่างที่วิตกกัน

ส่วน พล.ท.เอช. อาร์. แม็กมาสเตอร์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ช่วยยืนยันอีกแรงว่าสงครามยังเป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถึงแม้เขาเสริมว่า คณะบริหารทรัมป์กำลังเตรียมตัวเพื่อใช้วิธีทางทหารมาจัดการกับเกาหลีเหนือถ้าหากจำเป็น

แต่เขาย้ำว่าสหรัฐฯ กำลังดำเนิน “ความพยายามทางการทูตอย่างแน่วแน่มากๆ” ซึ่งเป็นการสมทบรวมกันกับมาตรการลงโทษคว่ำบาตรทางเศรษทางด้าน ไมค์ พอมเพโอ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ก็กล่าวทางทีวีอเมริกันในวันเดียวกันว่า คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะเดินหน้าพัฒนาโครงการขีปนาวุธต่อ จึงไม่น่าแปลกใจที่เปียงยางจะมีการทดสอบอาวุธอีก

อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการซีไอเอยังบอกผ่านรายการฟ็อกซ์ นิวส์ ซันเดย์ว่า ไม่ได้รับข้อมูลข่าวกรองว่า จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือในเร็วๆ นี้อย่างที่วิตกกัน

ส่วน พล.ท.เอช. อาร์. แม็กมาสเตอร์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ช่วยยืนยันอีกแรงว่าสงครามยังเป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถึงแม้เขาเสริมว่า คณะบริหารทรัมป์กำลังเตรียมตัวเพื่อใช้วิธีทางทหารมาจัดการกับเกาหลีเหนือถ้าหากจำเป็น

แต่เขาย้ำว่าสหรัฐฯ กำลังดำเนิน “ความพยายามทางการทูตอย่างแน่วแน่มากๆ” ซึ่งเป็นการสมทบรวมกันกับมาตรการลงโทษคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ เพื่อหน่วงเหนี่ยวดึงรั้งคิมไม่ให้ทำการยั่วยุต่อไปอีก
<i>ภาพที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ แสดงให้เห็นสแตมป์ชุดใหม่ซึ่งเกาหลีเหนือเพิ่งออก เนื่องในวาระประสบความสำเร็จในการทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป “ฮวาซอง-14”  โดยที่การทดลองของโสมแดงนี้ทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลียิ่งตึงเครียด </i>
ทว่า เมื่อวันจันทร์ (14) สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเปียงยางออกมาประกาศอย่างท้าทายอีกครั้งว่า ไม่ว่ามหาอำนาจหน้าไหนก็ไม่สามารถหยุดยั้งสงครามได้ หากมีการจุดชนวนด้วยเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นอย่างไร้แบบแผนและโดยไม่ตั้งใจ

“สงครามครั้งที่สองบนคาบสมุทรเกาหลีจะไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากลุกลามกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์”

ทั้งนี้ นับจากปีที่แล้ว เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธถี่ขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แถมสัปดาห์ที่แล้วยังประกาศว่า กำลังพัฒนาแผนยิงขีปนาวุธไปตกใกล้กวม ซึ่งเป็นฐานทัพยุทธศาสตร์ของอเมริกาในมหาสมุทรแปซิฟิก

ขณะเดียวกัน นอกจากขู่คำรามใส่เปียงยางแล้ว ทรัมป์ยังกดดันจีน พันธมิตรหลักและคู่ค้าสำคัญของเกาหลีเหนือ ให้พยายามมากขึ้นในการควบคุมความประพฤติของโสมแดง พร้อมกับคุกคามจะนำเรื่องนี้ไปโยงกับการค้าจีน-สหรัฐฯ

เจ้าหน้าที่อาวุโสในคณะบริหารเปิดเผยเมื่อวันเสาร์ (12) ว่า ในวันจันทร์ (14) ผู้นำสหรัฐฯ จะประกาศว่า จะสั่งให้มีการสอบสวนแนวทางปฏิบัติทางการค้าของปักกิ่งที่บีบให้บริษัทอเมริกันที่ทำธุรกิจในจีนต้องส่งมอบทรัพย์สินทางปัญญาให้หรือไม่

เกี่ยวกับเรื่องนี้ หวา ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงในวันจันทร์ (14) ว่า จีนย้ำมาหลายครั้งว่า แก่นสารสำคัญของการค้าและความสัมพันธ์ทางธุรกิจจีน-สหรัฐฯ คือผลประโยชน์ร่วมกัน และสงครามการค้ารังแต่ทำให้ทั้งสองฝ่ายสูญเสีย

หวาสำทับว่า จีนให้ความสนใจอย่างมากในการปกป้องสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและการปราบปรามผู้ละเมิด และว่า ปัญหาบนคาบสมุทรเกาหลีกับประเด็นการค้าเป็นคนละเรื่องกัน จีนและสหรัฐฯ ควรเคารพกันในทั้งสองประเด็น รวมทั้งเพิ่มความร่วมมือระหว่างกัน

“การใช้ประเด็นหนึ่งเป็นเครื่องมือกดดันเพื่อให้ดำเนินการอีกประเด็นเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างชัดเจน”

หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ของทางการจีนฉบับวันจันทร์ (14) ก็เตือนว่า การกล่าวหาว่า ปักกิ่งสมรู้ร่วมคิดกับโครงการนิวเคลียร์ของเปียงยาง และโทษว่า สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นความล้มเหลวของปักกิ่ง ทั้งที่จริงๆ แล้วเป็นความล้มเหลวของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องนั้น จะถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรงของทรัมป์ที่บ่อนทำลายแนวร่วมนานาชาติซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีอย่างสันติ

“หวังว่า ทรัมป์จะค้นพบทางอื่น เพราะสถานการณ์จะยิ่งยากลำบากขึ้นถ้าปักกิ่งและวอชิงตันถูกเสี้ยมให้เผชิญหน้ากัน” ไชน่าเดลี่บอก

กำลังโหลดความคิดเห็น