จีนย้ำทุกฝ่ายต้องร่วมแก้ปัญหาโสมแดง จิกทรัมป์'บ้องตื้น'โยงมั่วประเด็นการค้า

เอเจนซีส์ - ปักกิ่งดาหน้าโต้ทรัมป์ ชี้ปัญหานิวเคลียร์เกาหลีเหนือไม่ได้เกิดจากจีน และทุกฝ่ายต้องใช้ความพยายามร่วมกัน นอกจากนั้นยังไม่ควรนำไปโยงกับประเด็นการค้าจีน-สหรัฐฯ เนื่องจากเป็นคนละเรื่องโดยสิ้นเชิง

กระทรวงการต่างประเทศจีนออกคำแถลงวันจันทร์ (31 ก.ค.) ระบุว่า ปัญหานิวเคลียร์เกาหลีเหนือไม่ได้มีสาเหตุมาจากจีน และทุกฝ่ายควรพยายามแก้ไขปัญหาร่วมกัน

วันเดียวกัน เฉียน เค่อหมิง รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวระหว่างการแถลงข่าวว่า ปักกิ่งเชื่อว่า ปัญหานิวเคลียร์เกาหลีเหนือกับการค้าจีน-สหรัฐฯ เป็นคนละประเด็นและไม่เกี่ยวข้องกันโดยสิ้นเชิง จึงไม่ควรนำมาโยงกันแต่อย่างใด

เฉียนแจงว่า ทั้งจีนและอเมริกาต่างได้รับผลประโยชน์มากมายมหาศาลจากการค้าและการลงทุนร่วมกัน

การแสดงความคิดเห็นเหล่านี้เป็นการตอบโต้ทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันเสาร์(29) ที่ผ่านมา ซึ่งเตือนว่า วอชิงตันจะไม่ปล่อยให้ปักกิ่ง “ไม่ทำอะไรเลย” หลังจากเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ลูกที่สองเมื่อคืนวันศุกร์ (28 )

ทรัมป์ยังทวิตว่า “ผมผิดหวังกับจีนมาก ผู้นำที่โง่เขลาคนก่อนๆ ของเราปล่อยให้จีนกอบโกยปีละนับแสนล้านดอลลาร์จากการค้า โดยที่จีนดีแต่พูด แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเราเรื่องเกาหลีเหนือเลย และเราจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้อีกต่อไป จีนสามารถแก้ปัญหานี้ได้ง่ายๆ!”

ในวันจันทร์ (31) สำนักข่าวซินหวาของทางการจีนวิจารณ์จุดยืนของทรัมป์ว่า “บ้องตื้น” และสำทับว่า ผู้นำสหรัฐฯ ยังเลือกที่จะโยนความผิดเรื่องพฤติกรรมของเปียงยางให้จีนอย่างไม่เป็นธรรม

เช่นเดียวกัน บทบรรณาธิการของโกลบัลไทมส์ ซึ่งเป็นแท็บลอยด์แนวชาตินิยมของพรรคคอมมิวนิวต์จีน โจมตีทรัมป์ไม่ไว้หน้าว่า ทวิตเตอร์ดังกล่าวฟ้องว่า ทรัมป์อ่อนหัดและมีความรู้น้อยมากเกี่ยวกับประเด็นนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ

โกลบัลไทมส์ยังบอกอีกว่า เปียงยางมุ่งมั่นพัฒนาโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธโดยไม่แยแสการขู่ใช้กำลังทหารของอเมริกาและเกาหลีใต้ นับประสาอะไรที่มาตรการลงโทษของจีนจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้ได้

ทั้งนี้ จุดยืนของปักกิ่ง คือต่อต้านการแทรกแซงทางทหาร และเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาด้วยการเจรจา

ทว่า เมื่อวันอาทิตย์ (30) นิกกี้ เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ แถลงว่า จีนต้องตัดสินใจว่า พร้อมหรือไม่ที่จะสนับสนุนการเพิ่มมาตรการลงโทษของยูเอ็นต่อโสมแดงจากกรณีการทดสอบไอซีบีเอ็มเมื่อวันศุกร์ ซึ่งเปียงยางคุยว่า สามารถโจมตีทุกเป้าหมายบนแผ่นดินใหญ่อเมริกา

จากนั้นในเช้าวันจันทร์ (31) นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่น เปิดเผยภายหลังการสนทนาทางโทรศัพท์กับทรัมป์นาน 50 นาทีว่า ตนและผู้นำสหรัฐฯ มีความเห็นตรงกันว่า นานาชาติ ซึ่งรวมถึงจีนและรัสเซีย จำเป็นต้องจัดการอย่างจริงจังและเพิ่มการกดดันเกาหลีเหนือ โดยญี่ปุ่นและอเมริกาจะดำเนินมาตรการอย่างเป็นรูปธรรม แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ

อย่างไรก็ดี โคอิชิ ฮากุยดะ รองโฆษกคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นแถลงว่า อาเบะและทรัมป์ไม่ได้หารือเกี่ยวกับมาตรการทางทหารต่อเปียงยาง หรือการกระทำใดที่ถือว่า เปียงยาง “ข้ามเส้นแดง”

ทางด้านทำเนียบขาวแถลงว่า ผู้นำสองประเทศเห็นพ้องว่า เกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงมากขึ้นต่ออเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมทั้งประเทศอื่นๆ และทรัมป์ยืนยันพันธกรณีของสหรัฐฯ ในการใช้ศักยภาพทั้งหมดที่มีเพื่อปกป้องญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จากการโจมตีใดๆ

ทางด้านประธานาธิบดีมุน แจอิน ที่อยู่ระหว่างการพักผ่อนตากอากาศนั้น เจ้าหน้าที่อาวุโสในทำเนียบของเขาเผยว่า มุนเตรียมโทรหารือกับทรัมป์เร็วๆ นี้ ซึ่งหัวข้อสนทนาคงไม่พ้นเรื่องจุดยืนของพันธมิตรต่อเปียงยาง

เมื่อวันอาทิตย์ สหรัฐฯ ได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดเร็วกว่าเสียง บี1-บี จากฐานทัพอากาศเกาะกวมไปยังคาบสมุทรเกาหลี โดยมีเครื่องบินรบของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ร่วมปฏิบัติภารกิจด้วย ทั้งนี้ เพื่อแสดงแสนยานุภาพและตอบโต้การทดสอบไอซีบีเอ็ม “ฮวาซอง-14” ของเปียงยางเมื่อวันศุกร์

พลเอกเทอร์เรนซ์ เจ. โอชอเนสซี ผู้บัญชาการทหารอากาศสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นแปซิฟิก ระบุว่า เกาหลีเหนือยังคงเป็นภัยคุกคามสำคัญของภูมิภาค และหากจำเป็น อเมริกาพร้อมตอบโต้อย่างรวดเร็วและรุนแรงในเวลาและสถานที่ที่กำหนดเอง