รอยเตอร์ - ผู้นำจีนย้ำทางโทรศัพท์กับทรัมป์ ชี้วิกฤตนิวเคลียร์เกาหลีเหนือต้องแก้ไขด้วยสันติวิธี ทุกฝ่ายต้องหลีกเลี่ยงถ้อยคำหรือการกระทำที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น โดยก่อนหน้านั้น ผู้นำสหรัฐฯ เพิ่งเตือนแกมขู่เปียงยางว่า กองทัพอเมริกัน “ล็อกเป้าและโหลดกระสุน” พร้อมแล้ว ด้านเพนตากอนเผยวอชิงตัน-โซลเดินหน้าซ้อมรบตามแผนการในอีก 10 วัน ขณะที่โสมแดงกล่าวหาประมุขทำเนียบขาวปลุกปั่นคาบสมุทรเกาหลีเข้าสู่สงครามนิวเคลียร์
กระทรวงต่างประเทศจีนแถลงว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง บอกกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระหว่างการหารือทางโทรศัพท์เมื่อวันเสาร์ (12 ส.ค.) ว่าวิกฤตนิวเคลียร์เกาหลีเหนือต้องได้รับการแก้ไขด้วยสันติวิธีและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอดกลั้น และหลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำและการกระทำที่จะทำให้สถานการณ์ทวีความตึงเครียด
ด้านทำเนียบขาวแถลงว่า ผู้นำทั้งคู่เห็นพ้องว่า เกาหลีเหนือต้องยุติพฤติกรรมยั่วยุและทำให้สถานการณ์บานปลาย รวมทั้งย้ำความมุ่งมั่นร่วมกันในการทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์ ความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์และสี “ใกล้ชิดอย่างมาก” หวังว่าจะนำไปสู่การแก้ไขวิกฤติคาบสมุทรเกาหลีอย่างสันติ
แต่ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง ทรัมป์ที่อยู่ระหว่างการพักผ่อนที่รีสอร์ตส่วนตัวที่นิวเจอร์ซีย์ ทวิตเตือนคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือว่า การดำเนินการทางทหารของอเมริกาพร้อมแล้ว หากเกาหลีเหนือกระทำการอย่างไม่ฉลาด
“กองทัพสหรัฐฯ ล็อคเป้าและบรรจุกระสุนแล้ว เขาจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน ถ้าเขาขู่หรือทำสิ่งใดกับกวมหรือสถานที่อื่น ซึ่งเป็นดินแดนของอเมริกาหรือพันธมิตร”
ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์แสดงความหวังว่า การหารือทางโทรศัพท์ของผู้นำจีนและสหรัฐฯ จะสามารถผ่อนคลายสถานการณ์ตึงเครียดที่ลุกลามถึงระดับสูงสุด
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ชาวเกาหลีใต้พากันซื้ออาหารสำเร็จรูปตุนไว้สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน และรัฐบาลมีแผนขยายการซ้อมการป้องกันภัยพลเมืองทั่วประเทศในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ โดยตลอดแนวชายแดนทั้งสองฝั่งเกาหลีมีการระดมพลและอาวุธจำนวนมาก
ส่วนที่ กวม ดินแดนในมหาสมุทรแปซิฟิกของสหรัฐฯ ซึ่งมีฐานทัพอากาศและกลุ่มยามฝั่งของกองทัพเรืออเมริกันตั้งอยู่ และมีทหารอเมริกันประจำการณ์ราว 6,000 คน ได้มีการประกาศคำแนะนำในสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อวันศุกร์ เพื่อให้ประชาชนเตรียมการหากถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ส่วนผู้ว่าการ เอ็ดดี้ บาซา คาลโว โพสต์คลิปที่ตนเองพูดคุยกับทรัมป์บนเฟซบุ๊ก ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันว่าอเมริกาจะอยู่เคียงข้างและกวมจะปลอดภัยอย่างแน่นอน
ผู้นำทำเนียบขาวเสริมว่า ไม่ต้องการหารือทางการทูตแบบลับๆ กับเปียงยาง หลังมีรายงานว่า โจเซฟ หยุน ผู้แทนด้านนโยบายต่อเกาหลีเหนือของสหรัฐฯ หารือทางการทูตกับ พัค ซองอิล นักการทูตอาวุโสของเกาหลีเหนือประจำยูเอ็นมานานหลายเดือน เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างกันที่เสื่อมถอยลง และปัญหาการคุมขังคนอเมริกันในเกาหลีเหนือ
แต่ทว่า แดเนียล รัสเซล อดีตนักการทูตอาวุโสของสหรัฐฯ ด้านกิจการเอเชียตะวันออกที่เพิ่งอำลาตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายน กลับบอกว่า คณะบริหารของอเมริกาใช้ “ช่องทางนิวยอร์ก” สื่อสารกับเกาหลีเหนือมาหลายปีแล้ว
ทางด้านเยอรมนี และรัสเซีย แสดงความกังวลเกี่ยวกับสงครามปากระหว่างอเมริกากับโสมแดง เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเรียกร้องให้เปียงยางและวอชิงตันลงนามในแผนการร่วมรัสเซีย-จีน ซึ่งกำหนดให้เกาหลีเหนือระงับการทดสอบขีปนาวุธ และอเมริกากับเกาหลีใต้ระงับการซ้อมรบร่วมขนาดใหญ่ แต่ทั้งอเมริกาและเกาหลีเหนือต่างไม่ยอมรับแผนการนี้
นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนี กล่าวว่า การตอบโต้กันด้วยวาจาทำให้สถานการณ์ลุกลามอันตราย ส่วนประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส เห็นด้วยว่า ทุกฝ่ายควรดำเนินการด้วยความรับผิดชอบและป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลุกลาม
ทำเนียบขาวแถลงว่า ทรัมป์และมาครงหารือกันเมื่อวันเสาร์ โดยผู้นำสหรัฐฯ ย้ำความมุ่งมั่นในการหยุดยั้งการคุกคามด้วยนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งวอชิงตันพร้อมใช้มาตรการทางการทูต เศรษฐกิจ และการทหาร
บอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวว่า ปัญหาในขณะนี้ขึ้นอยู่กับเกาหลีเหนือ และว่า นานาชาติกำลังร่วมกันหยุดยั้งความก้าวร้าวของโสมแดงด้วยวิธีการทางการทูต