เอเจนซีส์ - นานาชาติโล่งอก เมื่อผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง-อึน ประกาศเลื่อนแผนโจมตีกวมออกไปก่อน แต่ไม่วายเตือนว่า จะไม่อดทนกับการกระทำที่ไม่ยั้งคิดของวอชิงตัน ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าผู้นำโสมแดงกำลังเชิญชวนอเมริกาให้เปิดการเจรจา แต่บางคนบอกว่าเป็นแค่หลุมพรางของเปียงยางเหมือนทุกครั้ง ด้านประธานาธิบดีเกาหลีใต้ยืนกรานว่า จะทำทุกทางเพื่อไม่ให้เกิดสงครามบนคาบสมุทรเกาหลี
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือรายงานในวันอังคาร (15 ส.ค.) ว่าหลังจากรับฟังการบรรยายสรุปแผนยิงขีปนาวุธ 4 ลูกไปตกใกล้กวม ระหว่างเดินทางไปตรวจสอบศูนย์บัญชาการกองกำลังยุทธศาสตร์ที่รับผิดชอบหน่วยขีปนาวุธนิวเคลียร์เมื่อวันจันทร์ (14 ส.ค.) คิมแถลงว่าจะรอดูพฤติกรรมที่โง่เขลาของเหล่าแยงกี้อีกเล็กน้อย ถ้ายังมีการดำเนินการอย่างสะเพร่าเป็นอันตรายร้ายแรงบนคาบสมุทรเกาหลี เปียงยางจะดำเนินการตามที่ประกาศไว้แล้ว
“เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดและป้องกันความขัดแย้งอันตรายทางทหารบนคาบสมุทรเกาหลี อเมริกาจะต้องเลือกแนวทางที่เหมาะสมก่อน” คิมย้ำ
คำประกาศของผู้นำเกาหลีเหนือดูเหมือนพุ่งเป้าที่การซ้อมรบร่วมขนาดใหญ่ที่อเมริกาและเกาหลีใต้จัดขึ้นทุกปี สำหรับปีนี้กำลังจะเริ่มต้นปลายเดือนนี้
เปียงยางประณามตลอดมาว่า การซ้อมรบร่วมเป็นการเตรียมพร้อมบุกเกาหลีเหนือ ซึ่งที่ผ่านมาเปียงยางเคยเสนอพักการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธ แลกเปลี่ยนกับการที่โซลและวอชิงตันยกเลิกการซ้อมรบ ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรหนึ่งเดียวคือจีน แต่อเมริกาและเกาหลีใต้ยืนกรานว่า การซ้อมรบร่วมกันไม่สามารถนำไปโยงกับโครงการนิวเคลียร์โสมแดง ซึ่งละเมิดมติของสหประชาชาติ (ยูเอ็น)
อดัม เมาต์ นักวิเคราะห์อาวุโสจากเซ็นเตอร์ ฟอร์ อเมริกัน โปรเกรส มองว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเปียงยางเป็นการเชิญชวนโดยตรงในการหารือเพื่อแลกเปลี่ยนตามข้อเสนอดังกล่าว
จอห์น ดีเลียวรี จากมหาวิทยาลัยยอนเซในโซล ชี้ว่า คิมได้ปลดชนวนความขัดแย้งด้วยการชะลอแผนการโจมตีกวมอย่างน้อยในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ ทั้งสองฝ่ายจะต้องพยายามลดการเผชิญหน้าทั้งด้วยคำพูดและการกระทำ รวมทั้งต้องผลักดันมาตรการทางการทูตอย่างเต็มที่
โจชัว พ็อลล็อก ผู้ช่วยนักวิจัยอาวุโสของสถาบันมิดเดิลเบอร์รีเพื่อการศึกษาการระหว่างประเทศในมอนเทร์เรย์ เชื่อว่า เปียงยางกำลังใช้กวมเป็นเครื่องมือในการขู่กรรโชก
เช่นเดียวกันกับ คิม ดอง-ยับ ศาสตราจารย์และผู้เชี่ยวชาญทางการทหารของสถาบันตะวันออกไกลศึกษา มหาวิทยาลัยกยองนัมในโซล ที่เชื่อว่า เกาหลีเหนือแค่วางหลุมพรางหลอกล่อชาติอื่นเท่านั้น
ทั้งนี้ สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีร้อนระอุนับจากเปียงยางทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งดูเหมือนโจมตีได้ถึงแผ่นดินใหญ่อเมริกา
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตอบโต้ด้วยการเตือนโสมแดงว่า จะต้องพบกับ “ไฟและความเกรี้ยวกราดแบบที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน” และเกาหลีเหนือท้าทายกลับด้วยแผนการยิงขีปนาวุธพิสัยกลางไปตกใกล้กวม สงครามคำพูดอันดุเดือดทำให้ทั่วโลกตื่นตระหนก จนประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ต้องเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายอดกลั้น
ในวันอังคาร หนังสือพิมพ์โกลบัล ไทมส์ของทางการปักกิ่ง เรียกร้องให้เกาหลีใต้รับบทกันชนระหว่างอเมริกากับเกาหลีเหนือเพื่อป้องกันการเผชิญหน้า เนื่องจากการซ้อมรบจะยั่วยุให้เปียงยางตอบโต้รุนแรงยิ่งขึ้น ดังนั้นถ้าไม่ต้องการให้เกิดสงครามบนคาบสมุทรเกาหลีจริง เกาหลีใต้ควรระงับการซ้อมรบกับอเมริกา
วันเดียวกันนั้น ประธานาธิบดีมุน แจ-อินของเกาหลีใต้ ย้ำว่า การตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการทางทหารบนคาบสมุทรเกาหลีต้องดำเนินการโดยโซลหรือได้รับความยินยอมจากโซลเท่านั้น และโซลจะทำทุกทางเพื่อไม่ให้เกิดสงคราม อย่างไรก็ตามเขายอมรับว่าการเจรจาไม่มีทางเกิดขึ้นได้ก่อนที่เปียงยางจะยอมระงับการยั่วยุด้วยนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
เมื่อวันจันทร์ จิม แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เตือนว่า กองทัพสหรัฐฯ จะรู้ทันทีและ “จัดการ” กับขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือยิงออกมาและมีทีท่าว่า จะพุ่งเข้าใส่กวม
“เราจะปกป้องประเทศจากการโจมตี สำหรับเรา นั่นคือสงคราม” นายใหญ่เพนตากอนประกาศชัดเจน
ส่วนที่กวม ดินแดนของอเมริกาในมหาสมุทรแปซิฟิก ประชาชนต่างพากันโล่งใจที่สถานการณ์ผ่อนคลายลงหลังการประกาศของคิม
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่น เห็นพ้องกับทรัมป์ระหว่างหารือทางโทรศัพท์เมื่อวันอังคารว่า เป้าหมายสำคัญอันดับแรกคือการดำเนินการอย่างสุดความสามารถเพื่อป้องกันไม่ให้เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ
