รอยเตอร์ - รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ จิม แมตทิส แถลงในวันจันทร์ (12 มิ.ย.) ว่า ไม่มีเครื่องบ่งชี้ใดๆ เลยว่ารัสเซียต้องการที่จะมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับสหรัฐฯ พร้อมกับบอกด้วยว่ามอสโกนั้นเลือกที่จะเป็น “คู่แข่งขันทางยุทธศาสตร์” ของวอชิงตัน
“ในเวลานี้…ผมมองไม่เห็นเครื่องบ่งชี้ใดๆ เลยว่า มิสเตอร์ปูตินจะต้องการมีความสัมพันธ์เชิงบวกกัเรา นี่ไม่ใช่การพูดว่าเราไม่สามารถที่จะเดินไปถึงจุดนั้นได้นะครับ ในขณะที่เรามองหาสิ่งที่จะเป็นพื้นฐานร่วมกันได้” แมตทิสกล่าวเช่นนี้ระหว่างให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการการทหารของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ โดยระบุอ้างอิงถึงประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย
“แต่ ณ จุดนี้ เขาเลือกที่จะเป็นคู่แข่งขัน เป็นคู่แข่งเชิงยุทธศาสตร์กับเรา และเราก็จะต้องรับมือกับสิ่งที่เรามองเห็นว่าเป็นเช่นนั้น” เขาบอก
ทางด้าน โจเซฟ ดันฟอร์ด ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐฯ ซึ่งไปให้ปากคำด้วยกล่าวเสริมว่า สหรัฐฯนั้นมีความสัมพันธ์ในเชิงเป็นปรปักษ์กับรัสเซีย
รัสเซียกับสหรัฐฯเวลานี้มีผลประโยชน์จำนวนหนึ่งที่ไปกันคนละทิศละทาง หนึ่งในนั้นคือที่ซีเรีย
ทั้งนี้ รัสเซียแถลงเมื่อวันเสาร์ (10) ว่า ได้แจ้งให้สหรัฐฯ ทราบว่ามอสโกยอมรับไม่ได้ในการที่วอชิงตันถล่มโจมตีใส่กองกำลังฝ่ายหนุนรัฐบาลในซีเรีย ทั้งนี้ภายหลังเกิดเหตุการณ์กองทัพอเมริกันโจมตีทางอากาศใส่กองกำลังอาวุธฝ่ายหนุนรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด
ทางด้านวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ หลายรายก็กล่าวในวันจันทร์ (12) ว่า พวกเขาใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงเรื่องร่างกฎหมายที่จะบังคับใช้มาตรการลงโทษคว่ำบาตรอย่างใหม่ๆ ต่อรัสเซีย โดยเป็นไปได้ว่าอาจมีข้อหนึ่งระบุห้ามทำเนียบขาวผ่อนคลายการลงโทษคว่ำบาตรโดยมิได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา
มีรายงานว่าพวกเดโมแครตและพวกรีพับลิกันในคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์และในคณะกรรมาธิการการธนาคารของวุฒิสภา กำลังเจรจาต่อรองกันมาราว 1 สัปดาห์แล้ว เกี่ยวกับการแก้ไขข้อความในร่างกฎหมายลงโทษคว่ำบาตรอิหร่านฉบับหนึ่ง ซึ่งจะใส่มาตรการลงโทษรัสเซียเข้าไปด้วย สืบเนื่องจากพฤติการณ์ของมอสโกทั้งในเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าทแรกแซงการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 ของสหรัฐฯ, การประกาศผนวกดินแดนแหลมไครเมียที่ยึดมาจากยูเครน และการสนับสนุนรัฐบาลซีเรียในสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลา 6 ปีแล้ว