เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกมาแสดงความเห็นอกเห็นใจอิหร่าน หลังกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้บุกโจมตีกรุงเตหะรานจนมีผู้เสียชีวิต 13 รายเมื่อวันพุธ (7 มิ.ย.) แต่ขณะเดียวกันก็ชี้ว่าสาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้กำลังได้รับผลกรรมตอบสนองจากการหนุนหลังลัทธิก่อการร้าย
กลุ่มมือปืนและมือระเบิดฆ่าตัวตายซึ่งแยกย้ายกันปฏิบัติการอย่างอิสระได้จู่โจมบริเวณอาคารรัฐสภา และสุสานของอยาตอลเลาะห์ คอเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลามอิหร่านในปี 1979 ซึ่งถือเป็นเหตุโจมตีครั้งแรกในอิหร่านที่ไอเอสออกมาอ้างความรับผิดชอบ
“เราขอแสดงความเสียใจและสวดมนต์ให้แก่เหยื่อผู้บริสุทธิ์ในเหตุโจมตีก่อการร้ายที่อิหร่าน ตลอดจนชาวอิหร่านทุกคนซึ่งกำลังเผชิญห้วงเวลาที่ยากลำบาก” ทรัมป์ ระบุในถ้อยแถลง
“เราขอย้ำว่า รัฐใดก็ตามที่ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายย่อมเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อความเลวทรามที่พวกเขาส่งเสริมเสียเอง”
ก่อนหน้านั้น ฮีทเธอร์ เนาเอิร์ท โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกมาระบุว่า “ลัทธิก่อการร้ายที่ชั่วช้าย่อมไม่มีที่ยืนในโลกอันสันติและมีอารยธรรม... เราขอแสดงความเสียใจต่อเหยื่อและครอบครัว และขอส่งความระลึกถึงและการสวดภาวนาไปถึงประชาชนชาวอิหร่านด้วย”
ทรัมป์ ยืนยันมาตลอดว่าอิหร่านเป็นรัฐที่สนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย โดยระหว่างหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2016 เขาก็ประกาศจะฉีกข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ที่สหรัฐฯ และมหาอำนาจอีก 5 ประเทศได้เจรจาให้เตหะรานยอมลดทอนกิจกรรมนิวเคลียร์ลง เพื่อแลกกับการผ่อนคลายคว่ำบาตร
หลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ แล้ว ทรัมป์ ก็ยังคงวิพากษ์วิจารณ์อิหร่านเรื่อยมา และได้กล่าวขณะไปเยือนอิสราเอลเมื่อเดือนที่แล้วว่า ข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ยิ่งทำให้อิหร่าน “เหิมเกริม” ทว่าจนบัดนี้รัฐบาลทรัมป์ก็ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อตกลงฉบับนี้
องค์กรสังเกตการณ์ของสหประชาชาติยืนยันในเดือนนี้ว่า อิหร่านได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลงนิวเคลียร์อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
แม้ว่าวอชิงตันจะแสดงความเสียใจต่อเหตุโจมตีที่เตหะราน ทว่าเมื่อวานนี้ (7) วุฒิสภาสหรัฐฯ ก็ได้มีมติ 92 ต่อ 7 เสียงเห็นชอบร่างกฎหมายคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มเติม โทษฐานเป็นรัฐที่ “สนับสนุนการก่อการร้ายสากล”
สมาชิกพรรครีพับลิกัน และเดโมแครต ยังเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อลงโทษรัสเซีย หลังจากประชาคมข่าวกรองออกมาสรุปยืนยันว่า เครมลินได้ลงมือโจมตีทางไซเบอร์ต่อหน่วยงานของสหรัฐฯ เพื่อแกว่งผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 ให้ไปเข้าทางทรัมป์
อย่างไรก็ตาม ส.ว.ไดแอนน์ เฟนสไตน์ จากพรรคเดโมแครต เตือนว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่สหรัฐฯ จะคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มเติม
“อิหร่านเผชิญการก่อการร้ายมาแล้ว 2 ครั้ง นับตั้งแต่รัฐบาลสายกลางชนะเลือกตั้งมาด้วยคะแนน 57%... เราจึงควรให้โอกาสพวกเขาในการฟื้นตัว และปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่”