xs
xsm
sm
md
lg

เดือดแน่! อิหร่านกล่าวหาสหรัฐฯ-ซาอุฯ อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีเตหะราน ประกาศแก้แค้นให้ผู้บริสุทธิ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online





เอเอฟพี/รอยเตอร์ - กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่านในวันพุธ (7 มิ.ย.) ประกาศแก้แค้นเหตุโจมตี 2 ระลอกคร่าชีวิตกว่าสิบศพในเตหะราน พร้อมกล่าวหาวอชิงตันและริยาดมีส่วนเกี่ยวข้อง แม้กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ออกมาอ้างความรับผิดชอบ

“กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติของอิหร่านพิสูจน์มาตลอดว่าพวกเขาไม่จะยอมให้เลือดของผู้บริสุทธิ์ไหลนองโดยปราศจากการแก้แค้น” ถ้อยแถลงระบุ "การลงมือก่อการร้ายนี้เกิดขึ้นเพียง 1 สัปดาห์ หลังการหารือระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับผู้นำของหนึ่งในรัฐบาลอนุรักษ์นิยมของภูมิภาค (ซาอุดีอาระเบีย) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความเกี่ยวกับกับการกระทำอันอำมหิตครั้งนี้"

การโจมตีเริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนสายๆ โดยที่มีมือปืน 4 คนฝ่าทะลวงเข้าไปภายในบริเวณอาคารรัฐสภา ซึ่งมีอาคารหลายหลัง และตั้งอยู่ตรงแถบใจกลางกรุงเตหะราน จัดการสังหารยามรักษาความปลอดภัยคนหนึ่ง และบุคคลอื่นอีกคนหนึ่ง ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักข่าวไอเอสเอ็นเอ ของทางการอิหร่าน
ภาพนิ่งจากวิดีโอที่เผยแพร่โดยกลุ่มรัฐอิสลาม อ้างว่าเป็นสมาชิกของพวกเขารายหนึ่งกำลังถือปืนระหว่างปฏิบัติการจู่โจมภายในอาคารรัฐสภาของอิหร่านในกรุงเตหะราน
ขณะที่เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยผู้หนึ่งกล่าวว่า ผู้ก่อเหตุเหล่านี้ต่างแต่งกายเป็นผู้หญิง และเข้าสู่ภายในบริเวณรัฐสภาทางประตูสำหรับบุคคลภายนอกที่มาเยือน

ในเวลาประมาณใกล้เคียงกัน ทีมผู้ก่อเหตุอีกทีมหนึ่งซึ่งมีคนร้ายราว 3 หรือ 4 คน ก็ได้เข้าไปยังพื้นที่ของสุสานของอยาตอลเลาะห์ รูฮอลลาห์ โคไมนี ผู้นำการปฏิวัติอิหร่านและสถาปนาสาธารณรัฐอิสลามขึ้นในปี 1979 แล้วสังหารคนสวนไปคนหนึ่ง และทำร้ายคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บอีกหลายราย

ตามการรวบรวมของหน่วยงานรับเหตุฉุกเฉินของอิหร่านระบุว่า รวมแล้วมีผู้ถูกสังหารไป 12 คนในเหตุโจมตีทั้ง 2 ที่ ขณะที่ผู้บาดเจ็บมากกว่า 40 คน ทั้งนี้ในเวลาต่อมาผู้บัญชาการตำรวจเตหะรานเปิดเผยว่าได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 5 คนในความเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีในเมืองหลวง และพวกเขาอยู่ระหว่างถูกสอบปากคำ
ภาพนิ่งจากวิดีโอที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวอามัก เครือข่ายของพวกรัฐอิสลาม(ไอเอส) พบเห็นชายคนหนึ่งกำลังนอนจมกองเลือดภายในสำนักงานแห่งหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าอยู่ภายในอาคารรัฐสภาในกรุงเตหะรานของอิหร่าน
ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ประกาศกร้าวว่าเหตุโจมตีในเตหะรานจะยิ่งทำให้อิหร่านเป็นอันหนึ่งเดียวกันมากขึ้น “การโจมตีก่อการร้ายในเตหะรานวันนี้ จะทำให้อิหร่านมีความมุ่งมั่นมากขึ้นในการต่อสู้กับก่อการร้ายระดับภูมิภาค พวกหัวรุนแรงและความรุนแรง” เขากล่าวในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ผ่านทางสำนักข่าวไอเอสเอ็นเอ “เราจะพิสูจน์อีกครั้งว่าเราจะบดขยี้แผนการของศัตรู ด้วยความสามัคคีและความเข้มแข็ง”

โมฮัมหมัด ฮุสเซน เนจัต รองผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองของกองกำลังพิทักษ์ปฏิบัติอิหร่าน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟาร์สนิวส์ ว่ากลุ่มชายที่ลงมือโจมตีอาคารรัฐสภาในเตหะราน มีอายุระหว่าง 20 ถึง 25 ปี พร้อมระบุเช่นกันว่าวอชิงตันและริยาดเป็นผู้บงการเหตุโจมตี

“พวกเขาเข้ามาในรัฐสภาในฐานะบุคคลภายนอกที่มาเยือน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเริ่มสงสัยถุงของพวกเขา และพอกำลังจะเข้าตรวจค้น เสียงปืนก็ดังขึ้นและพวกเขาสังหารเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย” เขากล่าว “สหรัฐฯ และซาอุดีอาระเบีย เป็นคนสั่งลูกมือของพวกเขาให้ทำเรื่องนี้” พร้อมระบุว่าในวิดีโอที่เผยแพร่โดยไอเอส พบเห็นกลุ่มชายพูดภาษาอาหรับตอนอยู่ในอาคารรัฐสภา แต่ยังไม่ทราบสัญชาติของคนเหล่านี้

เหตุโจมตีดังกล่าวอาจยิ่งกระพือความตึงเครียดระหว่างเตหะรานกับริยาด อย่างไรก็ตาม อเดล อัล-จูเบอีร์ รัฐมนตรีต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย พูดระหว่างเยือนเบอร์ลิน บอกว่าเขาไม่รู้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าพวกหัวรุนแรงซาอุฯมีส่วนเกี่ยวข้อง

แม้ถูกกล่าวหาแต่สหรัฐฯ โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกถ้อยแถลงประณามเหตุโจมตีในเตะหราน ระบุว่า “ความชั่วช้าของก่อการร้าย ไม่ควรมีที่อยู่ในโลกศิวิไลซ์และสันติใบนี้”

การปักใจเชื่อของอิหร่าน มีขึ้นแม้ว่ากลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอของกลุ่มผู้ก่อเหตุจากภายในอาคาร ผ่านทางสำนักข่าวโฆษณาชวนเชื่อที่มีชื่อว่า “อามัก” ของตน นับเป็นการอวดอ้างแสดงตนเป็นผู้รับผิดชอบในตอนที่เหตุการณ์โจมตียังคงดำเนินอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยได้พบเห็นกัน

ต่อมาในช่วงค่ำวันพุธ (7 มิ.ย.) ไอเอสเผยแพร่ถ้อยแถลงระบุว่านักรบของพวกเขา 5 คน เป็นผู้ลงมือโจมตีรัฐสภาอิหร่านและสุสานของอยาตอลเลาะห์ รูฮอลลาห์ โคไมนี โดยใช้ปืนไรเฟิลจู่โจม ระเบิดมือและเข็มขัดระเบิด ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวมเกือบ 60 คน

นอกจากนี้แล้ว กลุ่มนักรบสุหนี่ยังขู่อิหร่าน ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวชีอะห์ ว่าจะลงมือโจมตีอีก โดยระบุ “กาหลิบจะไม่พลาดโอกาสทำให้เลือดของพวกเขาไหลริน” จนกว่ากฎหมายชะรีอะฮ์จะถูกนำไปปฏิบัติ


กำลังโหลดความคิดเห็น