เอเจนซีส์ - รายงานฉบับหนึ่งของเพนตากอนที่มีการเผยแพร่ในวันอังคาร (6 มิ.ย.) ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ปากีสถานจะเป็นจุดที่ตั้งฐานทัพจีนในอนาคต ทั้งยังทำนายด้วยว่า ปักกิ่งอยากจะสร้างฐานทัพอีกหลายแห่งในต่างประเทศ หลังจากที่ก่อตั้งไปแล้วในชาติแอฟริกันอย่างจิบูตี
คำทำนายนี้อยู่ในรายงานประจำปีความยาว 97 หน้าที่เสนอต่อสภาคองเกรส แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของทัพจีนในปี 2016 ที่ขับเคลื่อนด้วยงบกลาโหมก้อนโต ซึ่งทางเพนตากอนประเมินว่าน่าจะมากเกินกว่า 180 พันล้านดอลลาร์
นับเป็นจำนวนที่สูงกว่าตัวเลขงบประมาณกลาโหมอย่างเป็นทางการของจีนที่มีการระบุไว้ 954.35 พันล้านหยวน (ประมาณ 140.4 พันล้านดอลลาร์) รายงานยังระบุด้วยว่า ผู้นำจีนดูเหมือนจะยอมรับว่าการใช้จ่ายงบประมาณกลาโหมที่สูงก็เพื่ออนาคตที่พอจะคาดเดาได้ แม้ว่ามันจะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจเชื่องช้าก็ตาม
รายงานฉบับนี้ยังได้อ้างอิงถึงฐานทัพเรือจีนในต่างประเทศแห่งแรก โดยก่อสร้างกันที่จิบูตี ซึ่งที่นั่นมีฐานทัพอเมริกาอยู่ก่อนแล้ว ถือเป็นตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ เป็นทางเข้าด้านใต้สู่ทะเลแดง อันเป็นเส้นทางสู่คลองสุเอซ
“จีนดูเหมือนจะหาทางสร้างฐานทัพเพิ่มเติมในหลายประเทศที่เป็นมิตรกันมายาวนานและมีผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์คล้ายกัน อาทิ ปากีสถาน” รายงานระบุ
รายงานยังระบุอีกว่า ปากีสถานเป็นตลาดหลักในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก สำหรับการค้าอาวุธของจีน คิดเป็นมูลค่าราว 9 พันล้านดอลลาร์ จากทั้งหมดกว่า 20 พันล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ปี 2011-2015 แถมเมื่อปีที่แล้วจีนเพิ่งเซ็นสัญญาขายเรือดำน้ำ 8 ลำให้แก่ปากีสถาน
ในด้านความก้าวหน้าทางทหารของจีน รายงานของเพนตากอนระบุว่า มีความก้าวหน้าอย่างมาก อาทิ ทางอากาศและทางทะเล โดยได้อ้างอิงถึงการปล่อยดาวเทียมสื่อสารควอนตัมของจีนเมื่อปี 2016 พร้อมกับยอมรับว่า มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างโดดเด่นในด้านงานวิจัยการเข้ารหัส
เช่นเดียวกับหลายปีที่ผ่านมา เพนตากอนยังคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องการถูกสอดแนมทางไซเบอร์ โดยมีการระบุว่า คอมพิวเตอร์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ตกเป็นเป้าการโจมตีของจีน
“จีนใช้สมรรถภาพทางไซเบอร์ของตนเพื่อสนับสนุนงานรวบรวมข่าวกรองต่อสหรัฐฯ ทั้งการทูต เศรษฐกิจ อุตสาหกรรมด้านกลาโหม”
ในส่วนที่มีการพูดถึงทัพเรือของจีนนั้น รายงานฉบับนี้ได้ทำนายว่า เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกที่มีการออกแบบและผลิตในจีน น่าจะมีสมรรถภาพเพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่ในปี 2020
