รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้หารือการค้ากับนายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุก ของเวียดนาม ระหว่างการเยือนทำเนียบขาวในวันพุธ (31) และยินดีต่อการลงนามข้อตกลงทางธุรกิจมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และงานที่จะเกิดขึ้นอีกมากจากข้อตกลงเหล่านั้น
บริษัท General Electric Co กล่าวก่อนหน้านี้ว่า บริษัทได้ลงนามข้อตกลงกับเวียดนามเป็นมูลค่าราว 5,580 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เครื่องยนต์เครื่องบิน และบริการต่างๆ ที่นับเป็นยอดขายรวมครั้งเดียวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของบริษัทกับเวียดนาม
ส่วนบริษัท Caterpillar Inc และตัวแทนจำหน่ายของบริษัทในเวียดนามยังได้ตกลงที่จะจัดหาเทคโนโลยีการจัดการเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในเวียดนามมากกว่า 100 เครื่อง
“พวกเขา (เวียดนาม) เพิ่งบรรลุคำสั่งซื้อที่ใหญ่มากในสหรัฐฯ เรารู้สึกซาบซึ้งในสิ่งนั้น สำหรับข้อตกลงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ที่หมายถึงงานสำหรับสหรัฐฯ และอุปกรณ์ที่ดีเยี่ยมสำหรับเวียดนาม” ทรัมป์ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว
นายกฯ เหวียน ซวน ฟุก กล่าวต่อมูลนิธิ Heritage Foundation หลังการพบหารือกับทรัมป์ ว่า เขาได้ลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับสินค้าและบริการของสหรัฐฯ มูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ ระหว่างการเยือนสหรัฐฯ 3 วัน ที่ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องต่อการนำเข้าอุปกรณ์ของสหรัฐฯ
ผู้นำเวียดนามกล่าวเมื่อวันอังคาร (30) ว่า ข้อตกลงส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีขั้นสูงและการบริการ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียด และมูลค่าของข้อตกลงที่บริษัทของสหรัฐฯ ระบุไว้ต่ำกว่าตัวเลขที่ผู้นำเวียดนามอ้าง
เวียดนามได้แปรเปลี่ยนจากการเป็นศัตรูสงครามเย็น มาเป็นหุ้นส่วนสำคัญสำหรับสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่ทั้งสองประเทศต่างมีความวิตกร่วมกันเกี่ยวกับการขยายอำนาจของจีน
นายกฯ ฟุก กล่าวต่อทรัมป์ ว่า ความสัมพันธ์ได้ยกระดับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในประวัติศาสตร์ และในเวลานี้สองประเทศยังเป็นหุ้นส่วนรอบด้าน และในการพบหารือกับผู้นำสหรัฐฯ ครั้งนี้ ทำให้ผู้นำเวียดนามกลายเป็นผู้นำชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คนแรกที่เยือนทำเนียบขาวภายใต้การบริหารชุดใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม ขณะที่ฮานอย และวอชิงตันเพิ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่การค้ายังคงเป็นประเด็นรบกวน ด้วยสหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับเวียดนามต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ขาดดุล 32,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากเมื่อ 10 ปีก่อน ที่ขาดดุล 7,000 ล้านดอลลาร์
ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่มูลนิธิ Heritage Foundation ฟุก ยินดีต่อแผนของทรัมป์ ที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก ที่จะมีขึ้นในเดือน พ.ย. ในกรุงฮานอย โดยผู้นำเวียดนามระบุว่าเป็นสัญญาณความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ต่อภูมิภาค และเป็นโอกาสสำคัญสำหรับสหรัฐฯ ที่จะยืนยันบทบาทในเชิงบวกของตัวเอง
เมื่อวันอังคาร (30) โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ แสดงความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของการขาดดุลการค้ากับเวียดนาม โดยระบุว่า การขาดดุลการค้าเป็นสิ่งท้าทายใหม่สำหรับสองประเทศ และเขาหวังให้ผู้นำเวียดนามช่วยแก้ไขปัญหานี้
เวียดนาม เป็นประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ามากเป็นอันดับ 6 สะท้อนถึงการเติบโตของการนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ จากเวียดนาม นอกเหนือไปจากสินค้าตามปกติ เช่น รองเท้า เครื่องนุ่งห่ม และเฟอร์นิเจอร์
เหวียน ซวน ฟุก กล่าวว่า เศรษฐกิจของสองประเทศเป็นสิ่งเติมเต็มมากกว่าการแข่งขัน และการส่งออกของสหรัฐฯ ไปเวียดนาม ก็มีการเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน.
.
.
"ทรัมป์-ซวนฟุก" หารือชื่นมื่นAgence France-Presse/Reuters
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
