สยามแก๊สฯ แย้มยอดขายไตรมาส 2/60 แนวโน้มดีต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ผ่านมา มั่นใจปีนี้ยอดขายได้ตามเป้าที่ 3.2 ล้านตัน เติบโตขึ้นได้ราว 5% จากปี 2559 ผู้บริหารเผยหลังกระทรวงพลังงาน เปิดเสรีนำเข้า LPG เพื่อนำมาจำหน่ายในประเทศตามนโยบายเปิดเสรี สยามแก๊สเริ่มนำเข้าก๊าซแอลพีจี ตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ. เดือน มิ.ย.ปีนี้ นำเข้ามาแล้วราว 187,000 ตัน และคาดว่าสิ้นปี 60 จะมียอดนำเข้าทั้งหมด 500,000 ตัน หนุนรายได้ในประเทศให้เติบโตแข็งแกร่ง
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยถึงแนวโน้มผลงานการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/60 โดยทิศทางรายได้คาดว่า จะลดลงจากช่วงไตรมาส 1/60 ที่ผ่านมา เนื่องจากราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกในไตรมาสที่ 2 มีการปรับตัวลดลงกว่า 150 เหรียญสหรัฐต่อตัน แต่ยอดขายยังคงอยู่ในระดับเดียวกับไตรมาสที่ 1/60 ที่ผ่านมา อีกทั้ง ในไตรมาสที่ 2 บริษัทมีการบริหารสินค้าในระดับที่ต่ำ ซึ่งจะช่วยให้ผลกระทบจากขาดทุนสต๊อกลดลง
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 60 บริษัทฯ คาดว่า รายได้จะกลับมาเติบโตแตะ 60,000 ล้านบาทได้ หากราคา LPG ตลาดโลกเฉลี่ยอยู่ระดับ 500 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งราคา LPG ตลาดโลกเฉลี่ยไตรมาสที่ 1 อยู่ระดับ 520 เหรียญสหรัฐต่อตันจากปี 59 ซึ่งมีรายได้ที่ 48,161.41 ล้านบาท ซึ่งราคา LPG ตลาดโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 340 เหรียญสหรัฐต่อตัน และประมาณการยอดขายแก๊สเติบโตราว 5% หรือคิดเป็นปริมาณการขายแก๊ส 3.2 ล้านตัน เปรียบเทียบกับปี 59 ที่ปริมาณการขายแก๊ส อยู่ที่ 3.04 ล้านตัน โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากปริมาณการขายแก๊สในต่างประเทศเป็นหลัก โดยบริษัทเน้นกลยุทธ์ในการขายปลีกเพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง ในปี 60 บริษัทได้ขออนุญาตในการนำเข้าก๊าซ LPG เพื่อส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ติดกับชายแดนของประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายมากขึ้นจากปีก่อนที่ยังไม่มียอดขายส่งออกในส่วนนี้
“การทำธุรกิจ LPG ในต่างประเทศยังเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งได้ประมาณการเติบโตไว้ราว 6% จากปีก่อน โดยเฉพาะในตลาดจีนที่คาดว่า จะยังคงเติบโตได้ราว 5% และ 10% จากมาเลเซีย จากการที่บริษัทมีแผนที่จะสร้างโรงบรรจุก๊าซฯ เพิ่มเติมในมาเลเซียฝั่งตะวันตกทางตอนเหนือ จำนวน 3 แห่ง โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100-200 ล้านบาท ซึ่งแต่ละที่จะมีขนาด 3,000 ตัน ซึ่งจะทำให้ยอดจำหน่ายในมาเลเซียตะวันตก เพิ่มขึ้น 6,000-7,000 ตันต่อเดือน” นางจินตณา กล่าว
นางจินตณา กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่กระทรวงพลังงาน เปิดเสรีนำเข้า LPG เพื่อนำมาจำหน่ายในประเทศตามนโยบายเปิดเสรี บริษัทได้นำเข้าก๊าซ LPG ลำแรกเมื่อช่วงปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา จำนวน 33,000 ตัน และล่าสุดจนถึงเดือน มิ.ย. 2560 มียอดนำเข้ารวมประมาณ 187,000 ตัน และคาดว่า จนถึงสิ้นปีนี้จะมียอดนำเข้าก๊าซ LPG รวมทั้งสิ้นประมาณ 500,000 ตัน ซึ่งมั่นใจว่า การนำเข้าก๊าซ LPG บริษัทสามารถบริหารจัดการได้หมด และสนับสนุนรายได้ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยงวดไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ จำนวน 1,143.19 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2559 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ จำนวน 40.16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,103.03 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2,746.59 โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 14,341 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 2,7771.94 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.96 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 11,569.06 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากธุรกิจจำหน่ายก๊าซ LPG ในต่างประเทศ ที่มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้น และจากราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลก ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนมาก โดยราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกโดยรวมในไตรมาส 1/60 ราคาอยู่ที่ 520 ดอลลาร์สหรัฐต่อเมตริกตัน เทียบกับไตรมาส 1/59 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 324 ดอลลาร์สหรัฐต่อเมตริกตัน