เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ประสบความสำเร็จอย่างงามหยดในการอ้างสิทธิ์เข้าครอบครองทำเนียบขาวด้วยชัยชนะที่เสมือนกับธรณีพิโรธในทางการเมือง ประกาศเอาไว้ว่าจะนำความเปลี่ยนแปลงอย่างกว้างไกลมาสู่สหรัฐฯ และเริ่มต้น “ระบายบึงน้ำเน่า” ของแวดวงการเมืองวอชิงตัน ตั้งแต่ช่วง 100 วันแรกของการก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดี
เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ชาวนิวยอร์ก วัย 70 ปี ซึ่งไม่เคยเข้าดำรงตำแหน่งที่ผ่านการเลือกตั้งทางการเมืองใดๆ มาก่อนเลย ให้สัญญาเรื่อยมาในระหว่างการรณรงค์หาเสียงว่า “ความเปลี่ยนแปลงจะเริ่มต้นตั้งแต่วันแรกที่ผมอยู่ในตำแหน่ง”
“เรากำลังจะทำงานกันทันที เพื่อประชาชนชาวอเมริกัน และเรากำลังจะทำงานซึ่งหวังใจว่า ท่านจะมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง” เขากล่าวในคำปราศรัยประกาศชัยชนะ ณ ชั่วโมงต้นๆ ก่อนรุ่งสางของวันพุธ (9 พ.ย.)
ว่าที่ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ ได้กล่าวแจกแจงแผนการในช่วง 100 วันแรกของการเข้าครองทำเนียบขาว ซึ่งจะ “ทำให้อเมริกันยิ่งใหญ่อีกครั้ง” (Make America
Great Again) ตามคำขวัญหลักในการหาเสียงของเขา เอาไว้ในเอกสารชิ้นหนึ่งที่มีชื่อว่า “คำสัญญาที่ให้แก่ผู้ออกเสียงชาวอเมริกัน” (Contract with the American Voter)
พร้อมกันนั้น ก็ได้มีการเปิดเผยบัญชีรายการแนวความคิดยาวเป็นหางว่าว เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ระหว่างที่ทรัมป์ไปกล่าว “คำปราศรัยเกตตีสเบิร์ก” ของเขาเอง ซึ่งก็คือไปพูดในเมืองเดียวกับที่ประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น กล่าวคำปราศรัยอันมีชื่อเสียงโด่งดังของเขาในระหว่างสงครามกลางเมืองอเมริกันปี 1863
สำหรับ ทรัมป์ หนึ่งในคำมั่นสัญญาที่เขาบอกว่าจะทำในวันแรกๆ ของการขึ้นเป็นประธานาธิบดี ได้แก่การเปิดเจรจากันใหม่เกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆ ในข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟตา) ซึ่งสหรัฐฯทำไว้กับแคนาดา และเม็กซิโก และการประกาศให้สหรัฐฯถอนตัวออกจากข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี) ซึ่งพวกชาติสมาชิกตกลงรายละเอียดและลงนามกันไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ทว่า ยังอยู่ในขั้นตอนรอให้รัฐสภาของแต่ละชาติให้สัตยาบันรับรอง จึงจะเริ่มมีผลบังคับใช้
ทรัมป์ ประกาศด้วยว่า จะยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ ในการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล (น้ำมัน, ก๊าซ, ถ่านหิน) ในสหรัฐฯ, เปิดตัวโครงการสายท่อส่งน้ำมัน “คีย์สโตน เอ็กซ์แอล” ขึ้นมาใหม่หลังถูกประธานาธิบดี บารัค โอบามา สั่งระงับไว้ และรวมทั้งจะยกเลิกคำสัญญาจ่ายเงินหลายพันหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในโครงการต่างๆ เพื่อยับยั้งการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของสหประชาชาติ
อภิมหาเศรษฐีผู้นี้ให้คำมั่นที่จะ “เริ่มต้นเคลื่อนย้ายผู้อพยพผิดกฎหมายที่ถือเป็นอาชญากรจำนวนกว่า 2 ล้านคน ออกไปจากประเทศ และระงับการออกวีซ่าให้แก่ต่างประเทศที่ไม่ยินยอมรับคนเหล่านี้กลับไป”
เขายังจะ “ระงับการอพยพเข้าเมืองจากพวกภูมิภาคที่เต็มไปด้วยการก่อการร้าย และซึ่งการตรวจสอบไม่สามารถกระทำได้อย่างปลอดภัย” รวมทั้งยังจะดำเนินการ “ตรวจสอบอย่างสุดเข้ม” ต่อพวกที่กำลังยื่นเรื่องขอเข้าสหรัฐฯ
คำสัญญาอีกประการหนึ่งที่กลายเป็นมนต์ขลังบทหนึ่งสำหรับพวกผู้สนับสนุนเขา ได้แก่ การที่ทรัมป์ประกาศจะ “ระบายบึงน้ำเน่า” ซึ่งก็คือสิ่งที่เขาเห็นว่าเป็นการทุจริตคอร์รัปชันเชิงนโยบายในแวดวงการเมืองวอชิงตัน
เขากล่าวว่า เขาจะเคลื่อนไหวให้จำกัดจำนวนวาระการดำรงตำแหน่งของสมาชิกรัฐสภา, ระงับไม่เพิ่มการจ้างงานของรัฐบาลส่วนกลาง และห้ามสมาชิกรัฐสภาตลอดจนเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวไปเป็นนักล็อบบี้ในช่วง 5 ปี หลังพ้นตำแหน่ง
เขาให้สัญญาด้วยว่าจะยกเลิกคำสั่งบริหารของโอบามาทุกๆ คำสั่ง ที่เขาระบุว่า “ขัดรัฐธรรมนูญ”
ถึงแม้มีความสัมพันธ์อันตึงเครียดกับพวกผู้นำในพรรครีพับลิกันของเขาเอง โดยที่ผลจากการเลือกตั้งคราวนี้ ปรากฏว่า พรรคนี้ยังคงรักษาเสียงข้างมากในทั้งสภาผู้แทนราษฎร และในวุฒิสภา เอาไว้ได้ แต่ทรัมป์บอกว่าเขาจะทำงานร่วมกับพวกสมาชิกรัฐสภา เพื่อออกกฎหมายและมาตรการต่างๆ ที่จะลดภาษี และทำให้กฎหมายภาษีมีความซับซ้อนน้อยลง ซึ่งเขาอ้างว่า จะส่งผลทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเติบโตได้ถึงปีละ 4% และสร้างตำแหน่งงาน 25 ล้านตำแหน่ง ภายในเวลา 10 ปี
ทรัมป์ยังมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเร่งรีบทำตามคำสัญญา ซึ่งกลายเป็น “ซิกเนเจอร์” ของเขาไปแล้วในระหว่างการรณรงค์หาเสียง ได้แก่ การสร้างกำแพงกั้นตามแนวพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก และกำหนดโทษจำคุกต่ำสุด 2 ปี ต่อผู้อพยพซึ่งถูกเนรเทศไปแล้ว แต่ยังพยายามกลับมาสหรัฐฯอีก
เขายังมีแผนการล้มคว่ำนโยบายการปฏิรูปการประกันสุขภาพที่ถือเป็น “ซิกเนเจอร์” ของโอบามา และได้รับการขนานนามอย่างไม่เป็นทางการว่า “โอบามาแคร์”
ทรัมป์ยังวาดหวังที่จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเป็นมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยอาศัยการร่วมมือเป็นหุ้นส่วนกันระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน ตลอดจนจากภาคเอกชนล้วนๆ ทั้งนี้ โดยใช้การลดหย่อนภาษีเป็นตัวกระตุ้น
นอกเหนือจากเรื่องการค้าเสรีและกำแพงชายแดนเม็กซิโกแล้ว ทรัมป์แทบยังไม่มีข้อเสนอด้านนโยบายการต่างประเทศอื่นๆ ในช่วง 100 วันแรกของเขา ยกเว้นแต่การดำเนินการประกาศว่าจีนเป็น “ผู้ปั่นค่าเงินตรา” จากการที่เขายังคงเชื่อว่าปักกิ่งจงใจทำให้ค่าเงินตราของตนต่ำกว่าความเป็นจริง
ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากแสดงความสงสัยข้องใจว่า ทรัมป์สามารถที่จะทำตามคำสั่งสัญญาอันทะเยอทะยานเหล่านี้ของเขาได้หรือ
อย่างไรก็ดี มีคำมั่นสัญญาอยู่ประการหนึ่ง ซึ่งเขาทำได้ไม่ยากเย็นหากยังคิดทำอยู่ ได้แก่ การยื่นฟ้องร้องผู้หญิงสิบกว่าคน ซึ่งออกมากล่าวหาเขาว่าลวนลามก้าวร้าวทางเพศใส่พวกเธอ ทั้งนี้ เขาประณามเธอเหล่านี้ทั้งหมดเป็น “พวกโกหก” พร้อมกับบอกว่าจะยื่นฟ้องร้องหลังการเลือกตั้ง