เอเอฟพี - ผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันพุธ (2 พ.ย.) ได้ข้อสรุปว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในกรณีที่ภาวะทางเศรษฐกิจดีขึ้น แต่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินตัดสินใจขอให้มีความคืบหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ก่อนจะดำเนินการใดๆ
ไม่กี่วันก่อนถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ต่อสู้กันอย่างถึงพริกถึงขิง ที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารสหรัฐฯ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม ณ ระดับเดียวกับที่บังคับใช้มาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2015 ความเคลื่อนไหวที่เป็นไปตามที่เหล่านักวิเคราะห์คาดหมายกันไว้อย่างกว้างขวาง
ในขณะที่ไม่ได้พาดพิงถึงกรอบเวลาที่ชัดเจน แต่เฟดได้เปิดประตูสำหรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้น ณ ที่ประชุมคราวต่อไปของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนธันวาคม
มีเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ 2 คนที่อยากให้ปรับขึ้นในทันที นั่นคือ เอสเตอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัส ซิตี และ ลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ โดยทั้งคู่ลงมติไม่เห็นด้วยกับการคงดอกเบี้ย
ถ้อยแถลงของที่ประชุมเฟดเน้นย้ำการดีขึ้นในภาคแรงงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นประเด็นสนใจหลักของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ
“คณะกรรมการตัดสินว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในกรณีที่เศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งขึ้น แต่ ณ เวลานี้ตัดสินใจรอหลักฐานเพิ่มเติมของการคืบหน้าสู่เป้าหมายนั้น” คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดระบุ “จุดยืนนโยบายทางการเงินยังคงผ่อนคลาย เพื่อสนับสนุนให้ภาวะตลาดแรงงานดีขึ้นเพิ่มเติมและคืนสู่อัตราเงินเฟ้อร้อยละ 2.0” ถ้อยแถลงระบุ
เหล่านักเศรษฐศาสตร์เชื่ออย่างกว้างขวางว่ามีโอกาสอย่างยิ่งที่ท้ายที่สุดแล้วเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุุมเดือนธันวาคม ซึ่งจะได้ประโยชน์จากข้อมูลเงินเฟ้อและคนว่างงานเพิ่มเติมอีก 2 เดือน
“เราคาดหมายอย่างเต็มเปี่ยมว่าหลักฐานนี้จะปรากฏในช่วง 6 สัปดาห์ข้างหน้า และมีเพียงผลเลือกตั้งที่ช็อก หากนายทรัมป์ได้รับชัยชนะ หรือเหตุการณ์ทางตลาดหรือภูมิรัฐศาสตร์ภายนอกเท่านั้น ที่สามารถขัดขวางการขึ้นดอกเบี้ยในตอนนี้” เอียน เชฟเฟิร์ดสัน จากแพนธีออน ไมโครอีโคโนมิกส์กล่าว
อย่างไรก็ตาม เจสัน เชนเกอร์ จากเพรสทิจ อีโคโนมิกส์ บอกว่า “ยังไม่พบเห็นสัญญาณในทันทีทันใดของการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม”