รอยเตอร์ - อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวในวันศุกร์ (3 มิ.ย.) ว่า เตหะรานไม่ต้องการร่วมมือกับศัตรูรายสำคัญอย่างสหรัฐฯ และอังกฤษเกี่ยวกับประเด็นในภูมิภาค
คาเมนาอียังกล่าวหาวอชิงตันด้วยว่าไม่รักษาข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ถูกบรรลุระหว่างเตหะรานและหกชาติมหาอำนาจรวมถึงสหรัฐฯ ในปี 2015 ที่มีเป้าหมายเพื่อควบคุมโครงการนิวเคลียร์ของประเทศนี้
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจได้ถูกยกเลิกในเดือนมกราคมหลังจากอิหร่านระงับโครงการนิวเคลียร์อันอ่อนไหวที่ตะวันตกสงสัยว่ามีจุดประสงค์เพื่อสร้างระเบิดนิวเคลียร์ อิหร่านปฏิเสธว่าไม่ได้ต้องการพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์
“อเมริกายังคงมองอิหร่านเป็นศัตรูนับตั้งแต่การปฏิวัติอิสลาม (ปี 1979) มันเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงที่จะไว้ใจปีศาจอย่างอังกฤษและมัจจุราชอย่างสหรัฐฯ” คาเมนาอี กล่าวในการปราศรัยถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐ
“เราจะไม่ร่วมมือกับอเมริกาในเรื่องวิกฤตในภูมิภาค” เขากล่าว และเสริมว่าเป้าหมายของพวกเขาในภูมิภาคนี้คือคัดค้านอะไรก็ตามที่เป็นเป้าหมายของอิหร่าน
หลังจากการยุติคว่ำบาตรอิหร่าน ประเทศนี้เริ่มที่จะค้าขายกับตะวันตกมากขึ้น แต่มาตรการคว่ำบาตรบางอย่างสหรัฐฯยังคงอยู่และธนาคารสหรัฐฯ ยังคงถูกห้ามไม่ให้ทำการค้ากับอิหร่านทั้งทางตรงและทางอ้อม เนื่องจากวอชิงตันยังคงกล่าวหาว่าเตหะรานสนับสนุนการก่อการร้ายและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
“พวกเขาใช้สิทธิมนุษยชน การก่อการร้าย เป็นข้ออ้างในการเลี่ยงที่จะทำตามคำมั่นของพวกเขา” คาเมนาอี กล่าว
“หากเรายังเข้มแข็ง สามัคคี และไม่ยอมศิโรราบ เหล่าผู้ที่พยายามข่มเหงอิหร่านและต่อต้านพวกเราจะไม่มีวันสมหวัง” เขาบอกในการประชุมเพื่อรำลึกครบรอบปีการเสียชีวิตของ อยาตอลเลาะห์ รูโฮลเลาะห์ คาเมนาอี ผู้นำการปฏิวัติในปี 1989
อิหร่านเรียกร้องหลายครั้งให้วอชิงตันพยายามมากกว่านี้ในการขจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อภาคธนาคาร