เอเชีย เวลท์ คาดตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบ เหตุตลาดหุ้นทั่วโลกจับตามองการประชุมของธนาคารสหรัฐ ในการกำหนดขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ คาดอาจเลื่อนระยะเวลาออกไปปรับขึ้นดอกเบี้้ยในเดือนมิถุนายน
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า สัปดาห์นี้ ตลาดน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบไม่กว้างนัก โดยจุดสนใจจะอยู่ที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในวันอังคาร และพุธ ซึ่งคาดว่าน่าจะคงอัตราดอกเบี้ย และจับตาสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปในเดือน มิถุนายน ซึ่งมีความเป็นไปได้เหมือนกันที่จะปรับขึ้น พร้อมติดตามประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) วันพุธ และพฤหัส ซึ่งคาดว่าครั้งนี้หรือหลังจากนี้อาจมีการออกมาตรการเพิ่มเติมทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นอีกและจัดการกับการแข็งค่าของเงินเยนโดยที่จะไม่เข้าไปแทรกแซงโดยตรง ในเวลานี้นายกรัฐมนตรีอาเบะ กำลังเตรียมจะออกมาตรการทางการคลังรอบใหม่ซึ่งจะรวมการตั้งงบประมาณพิเศษเพื่อฟื้นฟูประเทศและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหว ส่วนของไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมีนาคมในวันศุกร์ ส่วนระหว่างสัปดาห์ ต้องติดตามตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะของประเทศสหรัฐซึ่งจะมีผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลกและของไทย
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐฯไตรมาสที่หนึ่งไม่ดีนักและเป็นไปตามที่ตลาดคาด มีผลฉุดตลาดหุ้น Wall street และตลาดหุ้นทั่วโลกให้ปรับตัวลง ซึ่งหากตัวเลขสัปดาห์นี้ออกมาดีมากจะผลักดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้ ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับเหนือ 40 USD / บาร์เรล แต่หากราคาน้ำมันดิบไม่ปรับตัวขึ้นหรือปรับตัวลงกว่านี้ จะกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกเช่นกัน ขณะที่ด้านผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของไทย กลุ่มธนาคาร ออกมาตามคาด ต้องติดตามบริษัทอื่น ๆ ที่เหลือ
ในส่วนของสัปดาห์นี้ คาดว่า SET Index เคลื่อนไหวในกรอบกว้าง ที่ 1,387-1,433 จุด เนื่องจาก ตลาดหุ้นอาจปรับขึ้นได้หากผลประกอบการสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาด และในทางกลับกันอาจปรับลดลดแรงหากตัวเลขออกมาไม่ดี กลยุทธ์การลงทุนเน้นลงทุนในหุ้นปันผลดี และหุ้นที่มีเรื่องราวชัดเจน มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และปัจจัยทาง Technical สนับสนุน
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า สัปดาห์นี้ ตลาดน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบไม่กว้างนัก โดยจุดสนใจจะอยู่ที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในวันอังคาร และพุธ ซึ่งคาดว่าน่าจะคงอัตราดอกเบี้ย และจับตาสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปในเดือน มิถุนายน ซึ่งมีความเป็นไปได้เหมือนกันที่จะปรับขึ้น พร้อมติดตามประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) วันพุธ และพฤหัส ซึ่งคาดว่าครั้งนี้หรือหลังจากนี้อาจมีการออกมาตรการเพิ่มเติมทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นอีกและจัดการกับการแข็งค่าของเงินเยนโดยที่จะไม่เข้าไปแทรกแซงโดยตรง ในเวลานี้นายกรัฐมนตรีอาเบะ กำลังเตรียมจะออกมาตรการทางการคลังรอบใหม่ซึ่งจะรวมการตั้งงบประมาณพิเศษเพื่อฟื้นฟูประเทศและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหว ส่วนของไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมีนาคมในวันศุกร์ ส่วนระหว่างสัปดาห์ ต้องติดตามตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะของประเทศสหรัฐซึ่งจะมีผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลกและของไทย
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐฯไตรมาสที่หนึ่งไม่ดีนักและเป็นไปตามที่ตลาดคาด มีผลฉุดตลาดหุ้น Wall street และตลาดหุ้นทั่วโลกให้ปรับตัวลง ซึ่งหากตัวเลขสัปดาห์นี้ออกมาดีมากจะผลักดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้ ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับเหนือ 40 USD / บาร์เรล แต่หากราคาน้ำมันดิบไม่ปรับตัวขึ้นหรือปรับตัวลงกว่านี้ จะกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกเช่นกัน ขณะที่ด้านผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของไทย กลุ่มธนาคาร ออกมาตามคาด ต้องติดตามบริษัทอื่น ๆ ที่เหลือ
ในส่วนของสัปดาห์นี้ คาดว่า SET Index เคลื่อนไหวในกรอบกว้าง ที่ 1,387-1,433 จุด เนื่องจาก ตลาดหุ้นอาจปรับขึ้นได้หากผลประกอบการสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาด และในทางกลับกันอาจปรับลดลดแรงหากตัวเลขออกมาไม่ดี กลยุทธ์การลงทุนเน้นลงทุนในหุ้นปันผลดี และหุ้นที่มีเรื่องราวชัดเจน มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และปัจจัยทาง Technical สนับสนุน