บล.เอเชีย เวลท์ ให้กรอบ SET Index สัปดาห์นี้ 1,387-1,433 จุด เผยจุดสนใจสัปดาห์นี้อยู่ที่ผลประชุมเฟด และบีโอเจ
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า สัปดาห์นี้ (25-29 เม.ย.) คาดว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) จะเคลื่อนไหวในกรอบกว้างที่ 1,387-1,433 จุด เนื่องจากตลาดหุ้นอาจปรับขึ้นได้หากผลประกอบการสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาด และในทางกลับกัน อาจปรับลดลงแรงหากตัวเลขออกมาไม่ดี กลยุทธ์การลงทุนเน้นลงทุนในหุ้นปันผลดี และหุ้นที่มีเรื่องราวชัดเจน มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และปัจจัยทาง Technical สนับสนุน
สัปดาห์นี้ตลาดน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบไม่กว้างนัก โดยจุดสนใจจะอยู่ที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในวันอังคาร (26 เม.ย.) และพุธนี้ (27 เม.ย.) คาดว่า น่าจะคงอัตราดอกเบี้ย และจับตาสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปในเดือน มิ.ย. ซึ่งมีความเป็นไปได้เหมือนกันที่จะปรับขึ้น
พร้อมติดตามประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) วันพุธ และพฤหัสบดี (28 เม.ย.) ซึ่งคาดว่าครั้งนี้ หรือหลังจากนี้อาจมีการออกมาตรการเพิ่มเติมทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นอีก และจัดการต่อการแข็งค่าของเงินเยนโดยที่จะไม่เข้าไปแทรกแซงโดยตรง ในเวลานี้ นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ กำลังเตรียมจะออกมาตรการทางการคลังรอบใหม่ ซึ่งจะรวมการตั้งงบประมาณพิเศษเพื่อฟื้นฟูประเทศ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหว
ส่วนปัจจัยในประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มี.ค.59 ในวันที่ 29 เม.ย.59 ส่วนระหว่างสัปดาห์ ต้องติดตามตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะของประเทศสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลก และของไทย
ที่ผ่านมา ตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐฯ ไตรมาส 1/59 ไม่ดีนัก และเป็นไปตามที่ตลาดคาด มีผลฉุดตลาดหุ้น Wall street และตลาดหุ้นทั่วโลกให้ปรับตัวลง ซึ่งหากตัวเลขสัปดาห์นี้ออกมาดีมากจะผลักดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้ ปัจจุบัน ราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับเหนือ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่หากราคาน้ำมันดิบไม่ปรับตัวขึ้น หรือปรับตัวลงกว่านี้จะกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกเช่นกัน
ด้านผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของไทยกลุ่มธนาคารออกมาตามคาด ต้องติดตามบริษัทอื่นๆ ที่เหลือ
สำหรับ Trading idea ประจำสัปดาห์นี้ แนะนำหุ้น บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) ซึ่งคาดว่าจะสามารถแสดงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 1/59 บริษัทได้รายงานผลประกอบการที่ 635 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% QoQ และ 10.6% YoY ซึ่งการเติบโตนี้มาจากทั้งธุรกิจบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล โดยที่พอร์ตลูกหนี้บัตรเครดิต และพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลโต 9% และ 15% YoY ตามลำดับ บริษัทเชื่อว่าการเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนหลักจากการออกแคมเปญด้านการตลาดอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม KTC ยังคงยืนยันเป้าการเติบโตกำไรแบบทรงตัวในปี 59 เนื่องจากบริษัทมีความตั้งใจที่จะขยายฐานลูกค้า และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในการใช้จ่ายบัตรเครดิต รวมทั้งพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคล การดำเนินการดังกล่าวบ่งบอกถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่จะเพิ่มขึ้นตามมาด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนที่จะปฏิรูปองค์กรในปีนี้ ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงขั้นตอนภายในบริษัท และพัฒนาด้านบุคลากร ดังนั้น บล.เอเชีย เวลท์ คาดว่า กำไรปี 59 จะเติบโต 0.2% YoY สอดคล้องต่อที่ผู้บริหารคาด ก่อนที่จะพุ่งขึ้น 24.2% YoY ในปี 60 ถึงแม้ว่าแผนต่างๆ ของบริษัทเหล่านี้จะส่งผลกระทบด้านกำไรในระยะสั้น แต่เราเชื่อว่า แผนทั้งหมดถูกกำหนดเพื่อให้มั่นใจว่า บริษัทมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้ในระยะยาว
ด้านรูปแบบราคา หรือ Price Pattern ของ KTC ยังคงมีความแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้น และระยะกลางจากการเกิดทั้งสัญญาณซื้อรายวัน และรายสัปดาห์ แต่ยังคงโดนกดดันจากการเกิดสัญญาณขายรายเดือนอยู่ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ KTC ที่สามารถปิดตลาดเหนือเป้าหมายเบื้องต้นที่ 89.25 บาทไปได้นั้น ทำให้คาดว่า Price Pattern ของ KTC น่าจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ 92.75 บาท และเป้าหมายสำคัญที่ 96 บาท ตามลำดับ โดยมีจุด Stop Loss ของ KTC รอบนี้อยู่ที่ 85.50 บาท
ทั้งนี้ บล.เอเชีย เวลท์ ให้ราคาเป้าหมายของ KTC ตามปัจจัยพื้นฐานที่ 110 บาท มี Upside จากราคาปัจจุบันประมาณ 25%