ธนาคารกสิกรไทยสรุปความเคลื่อนไหวเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมา (18-22 เม.ย.) ว่า เงินบาทกลับมายืนในกรอบที่อ่อนค่ากว่าระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งนี้ เงินบาททยอยแข็งค่าช่วงต้น-กลางสัปดาห์มาแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 1 เดือนที่ 34.83 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางการปรับตัวขึ้นของสกุลเงินในเอเชีย และสินทรัพย์เสี่ยงตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม เงินบาทอ่อนค่ากลับมาในช่วงท้ายสัปดาห์ หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุพร้อมดูแลเสถียรภาพตลาด หากทิศทางเงินบาทมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ประกอบกับมีแรงซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยังคงส่งสัญญาณเชิงผ่อนคลาย แม้จะไม่ประกาศมาตรการเพิ่มในการประชุมวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา โดยวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา เงินบาทอยู่ที่ 35.01 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวเมื่อเทียบกับระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ วันที่ 12 เมษายน
สำหรับสัปดาห์หน้า (25-29 เม.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 34.90-35.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยอาจต้องจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันที่ 26-27 เมษายน และธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) วันที่ 27-28 เมษายน ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญประกอบด้วย ดัชนี PMI เขตชิคาโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนี PMI ภาคบริการ (เบื้องต้น) เดือนเมษายน ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมีนาคมและข้อมูลจีดีพีประจำไตรมาส 1/59 นอกจากนี้ ตลาดในประเทศอาจติดตามข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ และตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนมีนาคม
อย่างไรก็ตาม เงินบาทอ่อนค่ากลับมาในช่วงท้ายสัปดาห์ หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุพร้อมดูแลเสถียรภาพตลาด หากทิศทางเงินบาทมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ประกอบกับมีแรงซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยังคงส่งสัญญาณเชิงผ่อนคลาย แม้จะไม่ประกาศมาตรการเพิ่มในการประชุมวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา โดยวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา เงินบาทอยู่ที่ 35.01 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวเมื่อเทียบกับระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ วันที่ 12 เมษายน
สำหรับสัปดาห์หน้า (25-29 เม.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 34.90-35.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยอาจต้องจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันที่ 26-27 เมษายน และธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) วันที่ 27-28 เมษายน ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญประกอบด้วย ดัชนี PMI เขตชิคาโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนี PMI ภาคบริการ (เบื้องต้น) เดือนเมษายน ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมีนาคมและข้อมูลจีดีพีประจำไตรมาส 1/59 นอกจากนี้ ตลาดในประเทศอาจติดตามข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ และตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนมีนาคม