xs
xsm
sm
md
lg

“โอบามา” วอน “ทรัมป์” หยุดแหกปาก “ถูกโกงเลือกตั้ง” แนะตั้งใจหาเสียงดีกว่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ออกมาตอบโต้ข้อครหาของมหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 มีการ “โกง” เกิดขึ้น โดยขอร้องให้ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันรายนี้ “หยุดโวยวาย” และเดินหน้าหาเสียงต่อไปจะดีกว่า

ผู้นำสหรัฐฯ ได้กล่าวติเตียน ทรัมป์ ด้วยภาษาซึ่งมักใช้ด่าพวกวัยรุ่นเลือดร้อน ก่อนจะถึงกำหนดการดีเบตครั้งสุดท้ายระหว่างมหาเศรษฐีปากเปราะ กับ ฮิลลารี คลินตัน ซึ่งเป็นผู้แทนพรรคเดโมแครต ในวันที่ 19 ต.ค.

โอบามา ได้ละวางมารยาททางการทูตชั่วคราว และพูดตำหนิ ทรัมป์ กลางสวนกุหลาบ (Rose Garden) ในทำเนียบขาวต่อหน้านายกรัฐมนตรี มัตเตโอ เรนซี แห่งอิตาลี ซึ่งเดินทางมาเยือนสหรัฐฯ

ทรัมป์ พยายามอ้าง “ทฤษฎีสมคบคิด” เกี่ยวกับระบบเลือกตั้งในอเมริกา ในขณะที่โพลแทบทุกสำนัก บ่งชี้ว่า คะแนนนิยมของเขากำลังดิ่งเหวอย่างหนักจากข่าวการล่วงละเมิดทางเพศ

เวลานี้มหาเศรษฐีนิวยอร์กมีคะแนนนิยมโดยรวมทั้งประเทศตามหลัง คลินตัน อยู่ประมาณ 7 แต้ม และบริษัทรับพนันถูกกฎหมายในยุโรปบางแห่งก็เริ่มจ่ายเงินให้กับผู้ที่วางเดิมพันว่า คลินตัน จะเป็นฝ่ายชนะแล้ว

อย่างไรก็ตาม เริ่มมีความวิตกกังวลในทำเนียบขาว ว่า ทรัมป์ และผู้สนับสนุนอาจไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ซึ่งอาจนำไปสู่วิกฤตทางการเมืองในสหรัฐฯ

ผลสำรวจโดย Politico และ Morning Consult พบว่า ชาวอเมริกันผู้มีสิทธิเลือกตั้งร้อยละ 41 ซึ่งรวมถึงฐานเสียงรีพับลิกัน ร้อยละ 73 เชื่อว่า ทรัมป์ อาจจะถูก คลินตัน ขโมยคะแนนไปจริง ๆ

“ตลอดช่วงชีวิตของผม หรือในประวัติศาสตร์การเมืองยุคใหม่ก็ตาม ผมไม่เคยเห็นผู้สมัครประธานาธิบดีคนไหนพยายามทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการเลือกตั้ง ก่อนที่การลงคะแนนจะเกิดขึ้นจริง... ไม่เคยมีมาก่อน” โอบามา กล่าว

“เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดปัญหาขึ้นกับคุณ และคุณเป็นฝ่ายแพ้ คุณจะโทษว่าเป็นความผิดของผู้อื่นอย่างนั้นหรือ? ถ้าอย่างนั้น คุณก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้หรอก”

ในส่วนที่ ทรัมป์ อ้างว่า มีการ “ฉ้อโกงขนานใหญ่” เกิดขึ้นนั้น โอบามา ระบุว่า “ไม่มีหลักฐานว่าเคยเกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นในอดีต และคราวนี้ก็ยังไม่มีอะไรบ่งชี้เช่นกัน”

“ผมขอแนะให้คุณทรัมป์หยุดโวยวาย และลงมือหาเสียงเพื่อเรียกคะแนนนิยมจากประชาชนจะดีกว่า”

เมื่อวานนี้ (18 ต.ค.) ทรัมป์ และ คลินตัน ได้เดินทางไปยังนครลาสเวกัส ศูนย์กลางความบันเทิงกลางทะเลทรายรัฐเนวาดาที่ทั้งคู่จะต้องขึ้นประชันวิสัยทัศน์ครั้งสุดท้ายในวันพุธ (19) ซึ่งอาจเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วสำหรับ ทรัมป์ ที่จะกอบกู้ภาพลักษณ์ของตนเอง และเรียกคะแนนเสียงจากชาวอเมริกันหลายล้านคน ก่อนถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดี 8 พ.ย.

ทรัมป์ ซึ่งเป็นอดีตดาราเรียลิตีโชว์ ได้บอกกับผู้สนับสนุนที่เมืองแกรนด์จังก์ชัน รัฐโคโลราโด ว่า “การต่อสู้ของเราเพิ่งจะเริ่ม เชื่อผมเถอะ... นี่จะเป็นกระสุนนัดสุดท้ายของเรา”

ทรัมป์ กล่าวหาว่า “สื่อมวลชนสร้างระบบฉ้อโกงขึ้นมา และใส่ยาพิษเข้าไปในหัวใจของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง” ส่วนผลโพลที่ระบุว่า คลินตัน มีคะแนนนำโด่งนั้นก็ “คลาดเคลื่อน” จากความเป็นจริง

“เรากำลังจะมีชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมือง” เขากล่าว

ทรัมป์ ยังเรียกร้องให้สังคมเฝ้าจับตาการนับคะแนนในเมืองที่มีคนผิวสีอยู่มาก ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าชาวอเมริกันผิวสีส่วนใหญ่เทคะแนนให้ คลินตัน

“คอยดูฟิลาเดลเฟีย คอยดูเซนต์หลุยส์ คอยดูชิคาโกไว้ให้ดี” เขากล่าว

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า คำพูดของ ทรัมป์ อาจเข้าข่าย “ข่มขู่” ก่อนถึงวันเลือกตั้ง ขณะเดียวกันรายงานการวิจัยหลายต่อหลายชิ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ล้วนแต่แสดงผลในทางตรงกันข้ามกับการกล่าวหาของทรัมป์

ในรายงานที่ใช้ชื่อว่า “ความจริงเกี่ยวกับการฉ้อฉลผู้ออกเสียง” ของศูนย์เพื่อความยุติธรรมเบรนนัน แห่งวิทยาลัยนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ระบุว่า เหตุการณ์ฉ้อฉลเกี่ยวกับผู้ออกเสียงในการเลือกตั้งในสหรัฐฯนั้น เกิดขึ้นคิดเป็นอัตราส่วนเพียงแค่ 0.00004% ถึง 0.0009% ของผู้ออกเสียงทั้งหมดเท่านั้น

ขณะที่การศึกษาโดยหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า จากจำนวนการออกเสียงมากกว่า 1,000 ล้านโหวต ในการเลือกตั้งครั้งต่าง ๆ ในสหรัฐฯตั้งแต่ปี 2000 ถึงปี 2014 เกิดกรณีอันน่าเชื่อถือเกี่ยวกับการโกงด้วยการมีตัวปลอมไปใช้สิทธิเพียงแค่ 31 รายเท่านั้น โดยที่การศึกษาหลาย ๆ ครั้งของมหาวิทยาลัยแอริโซนาสเตท ในระหว่างปี 2012 - 2016 ก็พบอัตราส่วนที่ต่ำมากเช่นนี้เหมือนกัน

กำลังโหลดความคิดเห็น