เอเอฟพี - ประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้ สั่งการวันนี้ (11 ต.ค.) ให้ทุกหน่วยงานของรัฐเตรียมพร้อมรับคลื่นผู้ลี้ภัยจากเกาหลีเหนือ เพียงไม่กี่วันหลังจากที่เธอได้เอ่ยชักชวนให้พลเมืองโสมแดงพร้อมใจกันหลบหนีข้ามแดนเพื่อให้พ้นจากระบอบคิม
การแปรพักตร์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงเกาหลีเหนือที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมากลายเป็นสื่อประชาสัมพันธ์อย่างดีให้แก่กรุงโซล ซึ่งอ้างว่าสิ่งที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นถึงฐานอำนาจที่สั่นคลอนของผู้นำเปียงยาง
อัครราชทูตเกาหลีเหนือ แท ยอง-โฮ ซึ่งประจำการอยู่ในอังกฤษ ได้หลบหนีเข้าไปลี้ภัยที่กรุงโซล ซึ่งสร้างความเสื่อมเสียอย่างหนักต่อภาพลักษณ์ทางการทูตของเปียงยาง และก่อนหน้านั้นในเดือน เม.ย. พนักงานร้านอาหารโสมแดงในจีน 13 คนก็แห่ “แปรพักตร์” และเข้าไปลี้ภัยในเกาหลีใต้เช่นกัน
ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันกองทัพ 1 ต.ค. ประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย รับรองว่าจะ “เปิดเส้นทาง” ให้แก่ชาวโสมแดงที่ต้องการลี้ภัย และขอให้พวกเขา “เดินทางมาสู่อ้อมอกแห่งเสรีภาพในเกาหลีใต้”
รัฐบาลเกาหลีเหนือได้ตอบโต้ด้วยการตีพิมพ์บทความลงในหนังสือพิมพ์โรดองซินมุน ด่าทอผู้นำหญิงโสมขาวว่าเป็น “โสเภณีหยาบคายหน้าไม่อาย”
ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (11) พัคได้กล่าวเชิญชวนอีกครั้งให้ชาวเกาหลีเหนือหลบหนี และย้ำให้ทุกหน่วยงานตระเตรียมมาตรการดูแลชาวโสมแดงที่จะเดินทางเข้ามาอีก
“การต้อนรับผู้หลบหนีเปรียบเสมือนการรวมชาติที่มาถึงเร็วเกินคาด และเป็นบททดสอบสำหรับการรวบรวมชาติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” พัค ระบุ
“ดิฉันหวังว่าเราจะพัฒนาระบบและศักยภาพให้พอเพียงต่อการรองรับพลเมืองเกาหลีเหนือ ซึ่งต้องการแสวงหาเสรีภาพ”
ปัจจุบันรัฐบาลโซลมีศูนย์ตั้งรกราก 2 แห่งสำหรับดูแลชาวเกาหลีเหนือ โดยสามารถรองรับผู้ลี้ภัยได้ประมาณ 1,100 คน
เมื่อวันเสาร์ (8) หนังสือพิมพ์โชซุนอิลโบซึ่งขายดีอันดับ 1 ในเกาหลีใต้ รายงานว่า รัฐบาลกำลังเตรียมจัดสรรงบประมาณ 2 ล้านล้านวอนเพื่อสร้างค่ายผู้ลี้ภัยที่สามารถรองรับชาวโสมแดงได้ถึง 100,000 คน
โชซุนอิลโบอ้างแหล่งข่าวซึ่งระบุว่า รัฐบาลเกาหลีใต้มีแผนใช้อาคารโรงเรียนเก่าและอาคารที่ก่อสร้างขึ้นใหม่เป็นที่อยู่อาศัยสำหรับชาวเกาหลีเหนือ ในกรณีที่มีคลื่นผู้อพยพหลั่งไหลเข้ามาเนื่องจากสถานการณ์ชายแดนเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
กระทรวงการรวมชาติซึ่งดูแลกิจการข้ามแดนสองเกาหลี ปฏิเสธที่จะยืนยันข้อมูลในรายงานดังกล่าว
ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและใต้เรียกได้ว่าเสื่อมทรามลงถึงขีดสุดนับตั้งแต่ช่วงสงครามเย็นในทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา โดยเปียงยางได้ยิงทดสอบขีปนาวุธมากกว่า 20 ลูก และทดสอบนิวเคลียร์ถึง 2 ครั้งด้วยกันในปีนี้
ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีชาวเกาหลีเหนือเกือบ 30,000 คนที่หนีข้ามพรมแดนมายังเกาหลีใต้ เพราะไม่อาจทนความยากจนและการกดขี่ในประเทศ