เอเอฟพี - ทหารสหรัฐฯ และเกาหลีใต้หลายหมื่นนายเข้าร่วมภารกิจซ้อมรบซึ่งเป็นการจำลองสถานการณ์ที่เกาหลีใต้ถูกเกาหลีเหนือบุกโจมตีอย่างเต็มรูปแบบในวันนี้ (22 ส.ค.) โดยไม่หวั่นเกรงคำประกาศของเปียงยางซึ่งขู่จะ “โจมตีก่อน” ด้วยอาวุธนิวเคลียร์
การซ้อมรบภายใต้รหัส “อุลจิ” จะกินเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ โดยเป็นการจำลองยุทธวิธีด้วยระบอบคอมพิวเตอร์เสียเป็นส่วนใหญ่ และมีทหารจากเกาหลีใต้และสหรัฐฯ เข้าร่วมถึง 50,000 นาย และ 25,000 นาย ตามลำดับ
สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดขึ้นทุกครั้งที่วอชิงตันและโซลจัดการซ้อมรบร่วมกัน โดยเฉพาะในปีนี้ที่ความสัมพันธ์สองเกาหลีตกต่ำอย่างหนัก หลังเกิดกรณีนักการทูตเกาหลีเหนือและพนักงานร้านอาหารโสมแดงในจีนแห่ “แปรพักตร์” และเข้าไปลี้ภัยในเกาหลีใต้
ประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้ออกมาระบุว่า การแปรพักตร์ของชาวเกาหลีเหนือทั้ง 2 กลุ่มกำลังสะท้อนภาพความระส่ำระสายภายในเปียงยาง และอาจกระตุ้นให้ผู้นำโสมแดงสั่งการแก้แค้น
“มีความเป็นไปได้สูงที่เกาหลีเหนือจะวางแผนก่อการร้าย หรือยั่วยุในรูปแบบต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุจลาจลภายในประเทศ ป้องปรามผู้ที่กำลังคิดหลบหนี รวมถึงสร้างความปั่นป่วนขึ้นในสังคมของพวกเรา” พัค แถลงต่อบรรดารัฐมนตรี
ก่อนหน้านี้ 1 วัน กระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้ได้เตือนให้ประชาชนเฝ้าระวังเหตุลอบสังหารผู้ลี้ภัยโสมแดง รวมถึงบรรดานักเคลื่อนไหวที่ต่อต้านเกาหลีเหนือ
พัค ชี้ว่า กองทัพเกาหลีใต้ได้เฝ้าระวังอย่างสูงสุด และ “พร้อมที่จะตอบโต้อย่างหนักหน่วง” หากมีการยั่วยุใดๆ เกิดขึ้น
สำหรับการซ้อมรบ “อุลจิ” นั้นเป็นการจำลองสถานการณ์ที่รัฐนิวเคลียร์โสมแดงลงมือรุกรานเกาหลีใต้อย่างเต็มรูปแบบ ทว่าทั้งโซลและวอชิงตันยืนยันว่าการฝึกซ้อมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันตนเองเท่านั้น
เกาหลีเหนือถือว่าภารกิจซ้อมรบระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้เป็นการจงใจยั่วยุ และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (22) กองทัพโสมแดงก็ได้ขู่จะตอบโต้สิ่งพวกเขาเชื่อว่าเป็นการ “ซ้อมรุกราน” เกาหลีเหนือด้วยอาวุธนิวเคลียร์
หน่วยทหารชายแดนเกาหลีเหนือ “พร้อมที่จะเป็นฝ่ายโจมตีก่อน เพื่อแก้แค้นกองกำลังของฝ่ายศัตรูที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซ้อมรบ” โฆษกกองทัพโสมแดง ระบุ
ทั้งนี้ หากสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ละเมิดอธิปไตยของเกาหลีเหนือแม้เพียงน้อยนิด ผู้ที่ก่อการยั่วยุ “จะถูกเปลี่ยนให้เป็นกองขี้เถ้าด้วยอาวุธนิวเคลียร์ที่ถูกใช้โจมตีก่อนตามสไตล์ของชาวเกาหลี” โฆษกผู้นี้กล่าว
กรุงโซลได้แสดงความเสียใจต่อคำแถลงที่ก้าวร้าวของกองทัพเกาหลีเหนือ โดยกระทรวงการรวมชาติเรียกร้องให้เปียงยาง “หยุดกระทำยั่วยุ” เสียที
โสมแดงเคยประกาศมาแล้วหลายครั้งว่าจะงัดอาวุธนิวเคลียร์ออกมาแก้แค้นสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ทว่าในความเป็นจริงก็เพียงยิงขีปนาวุธลงทะเลเพื่อข่มขู่เสียส่วนใหญ่
นักวิเคราะห์เตือนว่า ความเสี่ยงที่จะสถานการณ์จะบานปลายจนเกิดเผชิญหน้าทางทหารมีค่อนข้างสูงในปีนี้ เนื่องจากช่องทางสื่อสารโดยตรงระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ถูกตัดขาด
ขณะที่ความตึงเครียดเริ่มระอุขึ้นหลังการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 ของเกาหลีเหนือเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา เปียงยางได้สั่งปิด “สายด่วน” 2 ช่องทางที่เคยใช้สื่อสารกับเกาหลีใต้ โดยทางหนึ่งใช้สื่อสารระหว่างกองทัพ และอีกทางหนึ่งระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล
ล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว “นิวยอร์ก แชนแนล” ซึ่งเป็นช่องทางติดต่อระหว่างนักการทูตโสมแดงกับนักการทูตสหรัฐฯ ที่องค์การสหประชาชาติ ก็ได้ถูกตัดขาดลงเช่นกัน