โสมแดงจับกุม “พลเมืองผู้แปรพักตร์” อ้างมีแผนลักพาตัวเด็กตามใบสั่งสายลับเกาหลีใต้

เอเอฟพี - รัฐบาลเกาหลีเหนือนำตัวพลเมืองผู้แปรพักตร์รายหนึ่งออกมาแถลงข่าวที่กรุงเปียงยางวันนี้ (15 ก.ค.) โดยอ้างว่าชายคนดังกล่าวมีแผน “ลักพาตัว” เด็กเกาหลีเหนือตามใบสั่งของสายลับโสมขาว ขณะที่กรุงโซลเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งปัจจุบันได้รับสัญชาติเกาหลีใต้แล้ว

ระหว่างการแถลงข่าวที่กรุงเปียงยางซึ่งมีเจ้าหน้าที่โสมแดงจัดฉากอย่างรัดกุม โก ฮยอน-ชอล วัย 53 ปี ซึ่งเป็นชาวเกาหลีเหนือที่หลบหนีข้ามแดนไปเมื่อปี 2013 จนกระทั่งได้รับสัญชาติเกาหลีใต้ “รับสารภาพ” ว่าตนมีแผนลักพาตัวเด็กกำพร้า 2 คนข้ามไปยังแดนโสมขาว

“ผมได้ก่ออาชญากรรมที่ไม่อาจอภัยให้ได้ ด้วยการพยายามลักพาตัวเด็กๆ” โก เอ่ยคำสารภาพทั้งน้ำตา ขณะถูกควบคุมตัวออกมาแถลงข่าวที่ทำเนียบวัฒนธรรม (Palace of Culture) ในกรุงเปียงยาง

โกซึ่งสวมกางเกงสีเข้มและเสื้อเชิ้ตลายทางสีฟ้า ถูกทหารในเครื่องแบบ 2 นkpพาตัวเข้าไปยังห้องแถลงข่าวซึ่งมีภาพถ่ายขนาดใหญ่ของอดีตประธานาธิบดีคิม อิลซุง และอดีตผู้นำคิม จองอิล เป็นฉากหลัง

ตลอดเวลา 30 นาที โกได้แสดงอาการร้องห่มร้องไห้ และตำหนิตนเองว่าเป็น “คนทรยศต่อปิตุภูมิ” พร้อมทั้งอธิบายขั้นตอนการหลบหนีข้ามไปยังเกาหลีใต้ รวมถึงเรื่องที่ตนทำงานให้แก่หน่วยข่าวกรองโสมขาว และ “อาชญากรรมทั้งหลายที่ได้ก่อขึ้น”

ทั้งนี้ การออกมาสารภาพความผิดตาม “สคริปต์” ที่เจ้าหน้าที่โสมแดงร่างมาให้ ถือเป็นวิธีปฏิบัติตามปกติสำหรับพลเมืองเกาหลีเหนือหรือชาวต่างชาติที่ถูกจับกุมฐานบ่อนทำลายรัฐ

กรณีของโก ฮยอน-ชอล เกิดขึ้นในขณะที่โซลและเปียงยางยังไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องพนักงานเสิร์ฟหญิงของภัตตาคารโสมแดงในจีนที่ “ลี้ภัยหมู่” ไปยังเกาหลีใต้เมื่อไม่นานนี้

คณะผู้ลี้ภัยโสมแดงซึ่งประกอบด้วยผู้จัดการร้านซึ่งเป็นชายและพนักงานหญิงอีก 12 คน เดินทางผ่านประเทศที่ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าไปยังเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 7 เม.ย. โดยทั้งหมดเคยทำงานอยู่ที่ภัตตาคารโสมแดงในเมืองท่าหนิงปัว (Ningbo) ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน

เปียงยางอ้างว่า ผู้จัดการรายนี้ล่อลวงหญิงสาวทั้งหมดให้หลบหนี โดยหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ก็รู้เห็นเป็นใจกับการลักพาตัวพลเมืองโสมแดงด้วย แต่ทางการโซลยืนยันว่าชาวเกาหลีเหนือกลุ่มนี้เข้ามาขอลี้ภัยโดยสมัครใจ

โกระบุว่า ผู้ประสานงานชาวเกาหลีใต้ได้สั่งเขาเมื่อเดือน พ.ค. ให้ลักพาตัวเด็กกำพร้าจากเกาหลีเหนือ โดยจะให้ค่าจ้างสูงถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 350,000 บาท) ต่อเด็ก 1 คน

“พวกเขาถามว่าผมรู้เรื่องผู้หญิง 12 คนที่หลบหนีไปก่อนหน้านี้ไหม และบอกว่านั่นมันแค่เริ่มต้น” โก กล่าว

“ดังนั้น ผมจึงเตรียมลักพาตัวเด็กๆ แต่มันก็ไม่ง่ายเลย”

ในที่สุด โกก็เลือกเป้าหมาย 2 รายเป็นเด็กผู้หญิงอายุ 8 และ 9 ขวบ ซึ่งอาศัยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง

เขาล่องเรือยางข้ามแม่น้ำจากฝั่งจีนไปยังเกาหลีเหนือเมื่อหลังเที่ยงคืนของวันที่ 27 พ.ค. และหวังว่าจะใช้เรือดังกล่าวขนเด็กหญิง 2 คนข้ามกลับไปฝั่งจีน แต่ถูกตำรวจโสมแดงจับกุมเสียก่อนในอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมา

โกเล่าว่า เหตุที่ตนตัดสินใจหลบหนีออกจากเกาหลีเหนือเมื่อปี 2013 ก็เพราะพัวพันคดีค้ามนุษย์ และถูกทางการเปียงยางตรวจสอบ

เขาอาศัยอยู่ในจีนประมาณ 1 ปี ก่อนจะเดินทางผ่านลาวและไทยเข้าไปยังเกาหลีใต้ เมื่อปี 2014

โกบอกว่า ชีวิตในเกาหลีใต้ไม่ได้สะดวกสบายอย่างที่คิด และตนต้องใช้ความพยายามอย่างสูงในการปรับตัว แต่สุดท้ายก็หางานทำไม่ได้ จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากสมาคมผู้ลี้ภัยชาวโสมแดง และถูกแนะนำให้ไปทำงานกับหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ (NIS) ตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปี 2015

กระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้ได้ออกมาแถลงตอบโต้ในวันนี้ (15) โดยเรียกร้องให้เปียงยาง “ปล่อยตัวพลเมืองเกาหลีใต้ทุกคน รวมถึง โก ฮยอน-ชอล และส่งตัวพวกเขากลับมายังเกาหลีใต้ทันที”

รัฐบาลโซลยังเตือนโสมแดงให้หยุดคุมขังพลเมืองเกาหลีใต้ “อย่างผิดกฎหมาย” และหยุดใช้คนเหล่านี้เป็นเครื่องมือทำสงครามโฆษณาชวนเชื่อ

ปัจจุบันมีชาวเกาหลีใต้ที่ถูกคุมขังอยู่ในเกาหลีเหนืออย่างน้อย 4 คนตั้งแต่ปี 2013 รวมถึง โก ฮยอน-ชอล

ออตโต วอร์มเบียร์ นักศึกษามหาวิทยาลัยชาวอเมริกันวัย 21 ปี ถูกศาลเกาหลีเหนือตัดสินจำคุกพร้อมใช้แรงงานหนัก 15 ปี เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา โทษฐานขโมยแผ่นป้ายโฆษณาชวนเชื่อไปจากโรงแรมแห่งหนึ่งในแดนโสมแดง ขณะที่ คิม ดองชุล ชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีที่เป็นมิชชันนารีสอนศาสนาคริสต์ก็กำลังรับโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำแห่งหนึ่งด้วยข้อหามีพฤติการณ์บ่อนทำลายรัฐ และจารกรรม