จนท.โสมแดงที่จัดส่ง “ยารักษาโรค” ให้ครอบครัวผู้นำคิม “แปรพักตร์” อีกราย

เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือในกรุงปักกิ่งซึ่งมีหน้าที่จัดส่งยารักษาโรคให้แก่ครอบครัวผู้นำ คิม จองอึน ตัดสินใจแปรพักตร์เป็นรายล่าสุด สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานวันนี้ (5 ต.ค.) ขณะที่รายงานอีกฉบับอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่โสมแดง 2 รายที่นั่นเข้าไปขอลี้ภัยในสถานทูตญี่ปุ่น

หากข่าวนี้ได้รับการยืนยันจะถือเป็นครั้งล่าสุดที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือตัดสินใจละทิ้งระบอบคิม ซึ่งผู้สังเกตการณ์เชื่อว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความง่อนแง่นของคณะผู้นำในเปียงยาง

แหล่งข่าวไม่ระบุชื่อซึ่ง “ใกล้ชิดด้านการติดต่อสัมพันธ์กับเปียงยาง” เผยกับสำนักข่าวยอนฮัปว่า เจ้าหน้าที่โสมแดงรายนี้ทำงานที่สถานทูตในกรุงปักกิ่ง แต่เป็นคนในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และเขาได้หายตัวไปพร้อมกับครอบครัวตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย.

แหล่งข่าวชี้ว่า บุคคลคนนี้มีหน้าที่จัดซื้อยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ส่งไปยังคลินิกแห่งหนึ่งในกรุงเปียงยาง ซึ่งจ่ายยาให้แก่ครอบครัวของผู้นำคิม

กระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้ปฏิเสธที่จะยืนยันรายงานชิ้นนี้ ซึ่งโดยปกติแล้วทางกระทรวงจะมีนโยบายไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแปรพักตร์ของพลเมืองเกาหลีเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูง

ด้านหนังสือพิมพ์จุงอังอิลโบของเกาหลีใต้ก็รายงานว่า มีเจ้าหน้าที่อาวุโสประจำสถานทูตเกาหลีเหนือในกรุงปักกิ่ง 2 คนยื่นขอลี้ภัยในญี่ปุ่น

สื่อฉบับนี้อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า เจ้าหน้าที่ทั้งสองไม่ใช่นักการทูต แต่อยู่ในสังกัดหน่วยงานหนึ่งของรัฐบาลโสมแดง

โยชิฮิเดะ สุกะ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น ออกมาปฏิเสธเรื่องที่มีชาวเกาหลีเหนือติดต่อขอลี้ภัยผ่านสถานทูตในจีน

“เรื่องชาวเกาหลีเหนือขอลี้ภัยผ่านสถานทูตไม่เป็นความจริง เรายังไม่เคยได้รับแจ้งว่ามีชาวเกาหลีเหนือที่ต้องการเข้ามาลี้ภัยในญี่ปุ่น” สุกะ แถลงต่อสื่อมวลชนที่กรุงโตเกียว

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือขอลี้ภัยในต่างแดนแล้วหลายราย รวมถึง แท ยอง โฮ อัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำกรุงลอนดอนที่หลบหนีไปยังเกาหลีใต้ สร้างชัยชนะครั้งใหญ่ในเชิงกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ให้แก่กรุงโซล

ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในวันกองทัพเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว (1) ประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้ ได้เอ่ยเชิญชวนตรงๆ ให้ประชาชนเกาหลีเหนือละทิ้งประเทศของตนเสีย

“ชาวเกาหลีเหนือยังคงหลบหนีออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแม้แต่ชนชั้นปกครองที่เคยให้การสนับสนุนระบอบคิม” พัคกล่าว

“เราพร้อมจะเปิดเส้นทางสำหรับพวกท่านที่แสวงหาความหวัง และชีวิตใหม่”

ความสัมพันธ์สองเกาหลีตกต่ำลงเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่โซลใช้นโยบายแข็งกร้าวตอบโต้การทดสอบนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือที่เกิดขึ้นแล้วถึง 2 ครั้งในปีนี้ ไม่รวมการยิงทดสอบขีปนาวุธอีกหลายระลอก