เอเอฟพี - เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำเข้าไปตกในเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) ของญี่ปุ่นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (24 ส.ค.) หลังจากที่ประกาศขู่เมื่อไม่กี่วันก่อนว่าจะแก้แค้นปฏิบัติการซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้
คำแถลงจากประธานเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ ระบุว่า ขีปนาวุธซึ่งถูกยิงจากเรือดำน้ำของเกาหลีเหนือในทะเลจีนตะวันออก (ทะเลญี่ปุ่น) เมื่อช่วงเช้าตรู่ สามารถเดินทางไปได้ไกลถึง 500 กิโลเมตร ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าจรวดได้รับการพัฒนาจนมีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าการทดสอบครั้งก่อนๆ
นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น ยืนยันว่า จรวดโสมแดงล่วงละเมิดเขต ADIZ ของแดนอาทิตย์อุทัย ซึ่งเป็นการการกระทำที่ “ไร้ความยั้งคิด และให้อภัยไม่ได้” และถือว่าเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงของญี่ปุ่น
เมื่อต้นเดือนนี้ เกาหลีเหนือก็ได้ยิงขีปนาวุธจากพื้นดินพุ่งตรงไปยังน่านน้ำของญี่ปุ่นโดยตรงเป็นครั้งแรก เรียกเสียงประณามอย่างหนักจากรัฐบาลโตเกียว
การทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเปียงยางมีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนที่ร้อนระอุ หลังจากการซ้อมรบภายใต้รหัส “อุลชิ” (Ulchi) ระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ได้เปิดฉากขึ้นเมื่อวันจันทร์ (22) โดยมีทหารทั้ง 2 ฝ่ายเข้าร่วมหลายหมื่นนาย
โซลและวอชิงตันยืนยันว่าภารกิจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันตนเองเท่านั้น แต่เกาหลีเหนือถือว่าเป็นการจงใจยั่วยุ
ประธานเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้แถลงว่า การทดสอบจรวดของโสมแดงในวันนี้ (24) มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นความขัดแย้ง และเป็นการ “ท้าทายอย่างรุนแรง” ต่อความมั่นคงปลอดภัยบนคาบสมุทรเกาหลี รวมถึงละเมิดคำสั่งห้ามขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) อย่างร้ายแรง
“เราจะตอบโต้การยั่วยุของเกาหลีเหนืออย่างรุนแรงและแข็งกร้าว” คำแถลงระบุ
ด้านสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาประณามการทดสอบขีปนาวุธดังกล่าว พร้อมเตือนเปียงยางว่าไม่ควรแสดงพฤติกรรมยั่วยุเช่นนี้อีก
“สหรัฐฯ มีเจตนารมณ์เข้มแข็งที่จะปกป้องชาติพันธมิตร รวมถึงสาธารณรัฐเกาหลีและญี่ปุ่น ในยามที่เผชิญภัยคุกคามลักษณะนี้” แกรี รอสส์ โฆษกเพนตากอน ให้สัมภาษณ์
สำหรับการซ้อมรบ “อุลชิ” นั้นเป็นการจำลองสถานการณ์ที่เกาหลีใต้ถูกรัฐนิวเคลียร์โสมแดงลงมือรุกรานอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีทหารจากเกาหลีใต้และสหรัฐฯ เข้าร่วมฝึกซ้อมถึง 50,000 นาย และ 25,000 นาย ตามลำดับ
สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดขึ้นทุกครั้งที่วอชิงตันและโซลจัดการซ้อมรบร่วมกัน โดยเฉพาะในปีนี้ที่ความสัมพันธ์สองเกาหลีตกต่ำอย่างหนัก หลังเกิดกรณีนักการทูตเกาหลีเหนือและพนักงานร้านอาหารโสมแดงในจีนแห่ “แปรพักตร์” และเข้าไปลี้ภัยในเกาหลีใต้
สัปดาห์ที่แล้ว อัครราชทูตเกาหลีเหนือ แท ยอง-โฮ ซึ่งประจำการอยู่ในอังกฤษ ได้หลบหนีเข้าไปลี้ภัยที่กรุงโซล ซึ่งสร้างความเสื่อมเสียอย่างหนักต่อภาพลักษณ์ทางการทูตของเปียงยาง แต่เป็นชัยชนะครั้งสำคัญในเชิงกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ของเกาหลีใต้
เมื่อเดือน เม.ย. พนักงานร้านอาหารโสมแดงในจีน 13 คนก็แห่ “แปรพักตร์” และเข้าไปลี้ภัยในเกาหลีใต้เช่นกัน
ประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้ระบุว่า การแปรพักตร์ของชาวเกาหลีเหนือทั้ง 2 กลุ่มกำลังสะท้อนภาพความระส่ำระสายภายในเปียงยาง