เอเอฟพี - ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ดูเหมือนจะลดความไม่พอใจต่อกันได้ในวันจันทร์ (15 ส.ค.) ซึ่งเป็นวันครบรอบการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยทางประธานาธิบดีเกาหลีใต้ได้เรียกร้องถึงความสัมพันธ์ที่สดใสในอนาคต ส่วนทางนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นก็ประณามความน่าสะพรึงกลัวของสงคราม
นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ได้ร่วมบริจาคของเซ่นไหว้สำหรับการทำพิธีสำคัญ แก่ศาลเจ้าที่เป็นอนุสรณ์สถานของผู้เสียชีวิตจากสงคราม แต่หลีกเลี่ยงที่จะเดินทางไปเยือนด้วยตนเอง เพื่อไม่ให้จีนและเกาหลีใต้ไม่พอใจ
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย ได้เรียกร้องถึงความสัมพันธ์ที่ดีในอนาคตกับญี่ปุ่น แม้ว่าจะมีกลุ่ม ส.ส.เกาหลีใต้ที่สร้างความไม่พอใจให้แก่ญี่ปุ่น ด้วยการไปเยือนหมู่เกาะเล็กๆ ที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็อ้างสิทธิ
15 สิงหาคมถือเป็นวันที่มีผลทางอารมณ์อย่างมากต่อทั้งสองชาติ โดยที่ญี่ปุ่นเป็นวันระลึกถึงการประกาศยอมแพ้สงครามของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตในปี 1945 ส่วนที่เกาหลีใต้นั้นถือเป็นวันที่การยึดครองคาบสมุทรเกาหลียาวนาน 35 ปี ของญี่ปุ่น ได้สิ้นสุดลง
จีนซึ่งถูกยึดครองไปบางส่วนโดยญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงต้นยุคปี 1930 จนถึง 1945 ได้ถือว่าวันที่ 3 กันยายนเป็นวันสิ้นสุดสงคราม
ศาลเจ้ายาสุกุนิถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่ทำให้ความตึงเครียดเรื่องชาตินิยมเพิ่มสูงขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ที่นั่นมีการสร้างขึ้นเพื่อให้เกียรติแก่ผู้เสียชีวิตจากสงคราม ซึ่งรวมถึงบรรดาบุคลากรระดับอาวุโสของกองทัพและนักการเมืองที่ถูกตัดสินว่าเป็นอาชญากรสงคราม หลังการต่อสู้สิ้นสุดลง
อาเบะ เคยไปเยือนศาลเจ้าดังกล่าวเมื่อเดือนธันวาคม 2013 สร้างความไม่พอใจให้แก่จีนและเกาหลีใต้ ทั้งยังถูกตำหนิทางการทูตจากพันธมิตรที่ใกล้ชิดอย่างสหรัฐฯ
นับตั้งแต่นั้นมา อาเบะได้งดเว้นการไปเยือนศาลเจ้าดังกล่าว ส่วนท่าทีตอบสนองของจีนและเกาหลีใต้ที่มีต่อการไปเยือนศาลเจ้าของเหล่าคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นก็ยังคงมีการวิพากษ์วิจารณ์อยู่ แต่ลดความรุนแรงลง
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตและอาเบะ ต่างก็ย้ำถึงพันธกรณีที่มีต่อความสงบของญี่ปุ่น ในพิธีรำลึกถึงการสิ้นสุดสงคราม
“เราจะไม่ก่อสงครามที่น่าสะพรึงกลัวอีกครั้ง” อาเบะกล่าว
ด้านสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต ได้มีพระราชดำรัสลักษณะเดียวกันว่า “เมื่อตรึกตรองถึงอดีตที่ผ่านมาและคิดได้ถึงความรู้สึกสำนึกผิดอย่างลึกซึ้ง ข้าพเจ้าหวังอย่างจริงจังว่าความโหดร้ายของสงครามจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก” สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต ทรงตรัส
ด้านผู้นำเกาหลีใต้ที่กล่าวสุนทรพจน์ในกรุงโซลซึ่งออกอากาศทางโทรทัศน์ทั่วประเทศ ได้ย้ำว่าจำเป็นจะต้องมองไปข้างหน้า
“เราควรกำหนดความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นเสียใหม่ เพื่อสร้างสายสัมพันธ์ที่เน้นให้ความสำคัญต่ออนาคต” พัคกล่าว
อย่างไรก็ตาม การกล่าวสุนทรพจน์ของผู้นำเกาหลีใต้ เกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่บรรดา 10 ส.ส.แดนโสมได้พากันไปเยือนหมู่เกาะด็อกโด โดยได้พบกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงที่ประจำการที่นั่น
เกาหลีใต้ได้ควบคุมหมู่เกาะดังกล่าวมานานแล้ว ซึ่งอยู่ในทะเลจีนตะวันออก และเป็นที่รู้จักกันในญี่ปุ่นด้วยชื่อ “ทาเคชิมะ” แต่ถึงกระนั้นญี่ปุ่นก็ไม่เคยประกาศสละสิทธิ์ครอบครองหมู่เกาะเหล่านั้น
“เราไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน” โยชิฮิเดะ ซูกะ โฆษกระดับสูงของรัฐบาลญี่ปุ่น บอกนักข่าวในโตเกียว พร้อมทั้งเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างมาก
อาเบะกับพัคมีกำหนดจะไปเยือนจีนช่วงต้นเดือนหน้า เพื่อเข้าร่วมการประชุมซัมมิตที่จัดโดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ขณะที่ทางญี่ปุ่นเองก็เตรียมจะจัดประชุมผู้นำไตรภาคีในช่วงปลายปีนี้
อาเบะได้ส่งของเซ่นไหว้ไปยังศาลเจ้ายาสุกุนิในฐานะหัวหน้าพรรคแอลดีพี แทนที่จะใช้ฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความพยายามให้เกิดเสียงวิจารณ์น้อยลง
สมาชิกรัฐสภาญี่ปุ่น 67 คน ในจำนวนนั้นมาจากพรรคแอลดีพีของอาเบะ 59 คน ได้ไปเยือนศาลเจ้าเพื่อร่วมทำพิธีในช่วงเช้าที่ผ่านมา
โทโมมิ อินาดะ รัฐมนตรีกลาโหมสายเหยี่ยวคนใหม่ของอาเบะ ที่มักจะไปเยือนศาลเจ้าดังกล่าวบ่อยครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ได้ไปด้วยในครั้งนี้ เพราะต้องไปเยือนประเทศจิบูตี
อย่างไรก็ตาม มีรัฐมนตรีของอาเบะ 2 ราย ไปปรากฏตัวที่ศาลเจ้ายาสุกุนิในช่วงบ่าย
“ฉันไม่คิดว่าการทำพิธีระลึกถึงผู้คนที่เสียชีวิตเพื่อประเทศชาติ จะเป็นประเด็นปัญหาทางการทูต” ซานาเอะ ทาคาอิชิ รัฐมนตรีมหาดไทย บอกนักข่าว
อย่างไรก็ตาม กรณีพิพาทเรื่องดินแดนและประเด็นปัญหาทางประวัติศาสตร์ ยังคงทำให้ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มีความสัมพันธืที่เย็นชาต่อกันอยู่เป้นระยะๆ
“เราเป็นกังวลอย่างมาก และเสียใจต่อการที่บรรดาผู้นำทางการเมืองของญี่ปุ่นได้ไปแสดงความเคารพที่ศาลเจ้ายาสุกุนิ เพื่อสดุดีประวัติศาสตร์การก่อสงครามที่แสนก้าวร้าว” กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ระบุในคำแถลง
ด้านสำนักข่าวซินหวาของจีน ได้เรียกร้องให้ญี่ปุ่นสำนึกผิดต่อช่วงเวลาสงครามในอดีต มิฉะนั้นอาจเสี่ยงที่จะนำพาประเทศชาติไปสู่เส้นทางที่อันตราย
“มันเป็นผลประโยชน์ต่อญี่ปุ่นและบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน ที่ชาติอดีตมหาอำนาจทางทหารจะตรึกตรองถึงความผิดพลาดในอดีต” ซินหวา ระบุ
อาเบะ ไม่ได้ไปเยือนศาลเจ้ายาสุกุนิเป็นการส่วนตัว นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2013 โดยใช้วิธีส่งเครื่องเซ่นไหว้บรรณาการไปแทน
“เขาบอกให้ผมมา การมาของผมจะเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้ที่สละชีวิตเพื่อประเทศชาติ” กล่าวโดย ยาสุโตชิ นิชิมูระ ผู้ช่วยรายหนึ่งในพรรคแอลดีพีของอาเบะ เขาทำหน้าที่มอบของเซ่นไหว้ในนามอาเบะ ที่ใช้ฐานะหัวหน้าพรรค แทนฐานะนายกรัฐมนตรี