รอยเตอร์ - นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แต่งตั้งพันธมิตรอนุรักษนิยม นางโทโมมิ อินาดะ ขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม ส่วนหนึ่งในการปรับคณะรัฐมนตรีในวันพุธ (3 ส.ค.) ส่งผลให้เธอเป็นผู้หญิงคนที่ 2 ที่ได้นั่งเก้าอี้ตัวนี้ ขณะที่ตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ส่วนใหญ่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และเขาให้สัญญาว่าจะเร่งเครื่องเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดและยกระดับความสัมพันธ์ระดับภูมิภาค
นางอินาดะ รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้านโยบายพรรครัฐบาล มีเป้าหมายร่วมกับนายอาเบะเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพ ที่พวกอนุรักษนิยมบางส่วนมองว่ามันเป็นสัญลักษณ์แห่งความพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ของญี่ปุ่นอันน่าอับอาย
รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่รายนี้มักไปเยือนศาลเจ้ายาสุคุนิอยู่เป็นประจำ ขณะที่ศาลแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงคราม ซึ่งทางจีนและเกาหลีใต้มองว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งสิทธิทหารในอดีตของญี่ปุ่น ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างโตเกียวกับปักกิ่งและโซลอยู่ในภาวะมึนตึงจากมรดกแห่งการรุกรานทางทหารทั้งก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อถูกถามว่าเธอจะไปเยือนศาลเจ้ายาสุคุนิในวันที่ 15 สิงหาคมหรือไม่ ในวาระครบรอบญี่ปุ่นยอมจำนนในสงครามโลกครั้งที่ 2 นางอินาดะตอบคำถามอย่างเลี่ยงๆ ว่า “มันเป็นเรื่องของมโนธรรม และดิฉันไม่คิดว่าตนเองควรแสดงความคิดเห็นว่าจะไปหรือไม่”
ส.ส.วัย 57 ปีรายนี้เป็นผู้หญิงคนที่ 2 ที่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม โดยคนแรกได้แก่ นางยูริโกะ โคอิเกะ ซึ่งนั่งเก้าอี้ตัวนี้ช่วงสั้นๆ ในปี 2007 และเมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการกรุงโตเกียว
นอกจากประเด็นศาลเจ้าแล้ว มุมมองของเธอยังสะท้อนจุดยืนของนายอาเบะ ที่เน้นถึงความอันตรายของการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือและความจำเป็นที่ต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดในระดับภูมิภาค
“เราจะเดินหน้าเสริมสร้างความสัมพันธ์กับเหล่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนและเกาหลีใต้ และกระบวนการเจรจากับรัสเซียเกี่ยวกับสนธิสัญญาสันติภาพ” อาเบะบอกก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ญี่ปุ่นและรัสเซียไม่เคยลงนามในสนธิสัญญาอย่างเป็นทางการตามหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สืบเนื่องจากข้อพิพาททางอาณาเขต
“วันนี้เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธอีกแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะตกในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อความมั่นคงของญี่ปุ่นและเป็นการละเมิดที่มิอาจให้อภัยได้” เขากล่าว
อาเบะ ซึ่งพยายามจุดไฟแห่งการเติบโตของเศรษฐกิจในขณะที่เขาครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะนั่งเก้าอี้ต่ออีกสมัย หลังวาระการดำรงตำแหน่งในฐานะประธานพรรคลิเบอรัล เดโมแครต ปาร์ตี (แอลดีพี) ของเขาจะสิ้นสุดลงในปี 2018 เผยในวันพุธ (3 ส.ค.) ว่าเป้าหมายสูงสุดของเขาคือประเด็นเศรษฐกิจ
ในวันอังคาร (2 ส.ค.) คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นอนุมัติแพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่า 28 ล้านล้านเยน (275,000 ล้านดอลลาร์) นับเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของนายกรัฐมนตรีอาเบะที่จะผลักดันให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจซึ่งกำลังชะงักงันอยู่ได้หวนกลับเข้าร่องเข้ารอย
อาเบะที่เข้ารับตำแหน่งในเดือนธันวาคม 2012 จะคงมือขวาเอาไว้ในตำแหน่งสำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นโยชิฮิเดะ ซูกะ ในฐานะเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นายทาโร อาโซะ รัฐมนตรีคลัง และนายฟูมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีต่างประเทศ
ด้านโนบุเตรุ อิชิฮารา ก็จะได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจต่อไป เช่นเดียวกับ ยาสุฮิซะ ชิโอซากิ รัฐมนตรีสาธารณสุข สวัสดิการและแรงงาน ขณะที่ ฮิโรชิเกะ เซโกะ รองหัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรม