เอเอฟพี - พรรคฝ่ายค้านหลักของเกาหลีใต้สร้างเซอร์ไพรส์คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันพุธ (13 เม.ย.) ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่นในวันพฤหัสบดี (14 เม.ย.) ยุติช่วงเวลา 16 ปีที่พรรครัฐบาลอนุรักษนิยมครองเสียงข้างมากในรัฐสภา
ผลของศึกเลือกตั้งคราวนี้ที่ห้อมล้อมไปด้วยภัยคุกคามทางนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ก่อความเสียหายแก่ประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย และเพิ่มความหวังแก่พรรคฝ่ายค้านในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2017
ในขณะที่การนับคะแนนใกล้เสร็จสิ้นแล้ว พบว่าพรรคแซนูรีของประธานาธิบดีพัคได้เก้าอี้เพียง 122 ที่นั่งจากทั้งหมด 300 ที่นั่งในสมัชชาแห่งชาติ ส่วนพรรคมินจู พรรคฝ่ายค้านหลักเอียงซ้าย กวาดไปได้ถึง 123 ที่นั่ง เป็นพรรคที่มีที่นั่งสูงสุดในสภา
พรรคพีเพิลส์ ปาร์ตี อีกหนึ่งพรรคฝ่ายค้าน คว้าไป 38 ที่นั่ง ส่วนพรรคฝ่ายค้านขนาดเล็กอย่าง จัสติค ปาร์ตี ก็คว้าไป 6 ที่นั่ง
โฆษกพรรคแซนูรีให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า “พรรคแซนูรีน้อมรับผลการเลือกตั้งและเสียงของประชาชน ประชาชนแสดงความผิดหวังต่อพวกเราอย่างรุนแรง แต่เราล้มเหลวในการอ่านใจพวกเขา”
ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1999 ที่พรรคแซนูรีสูญเสียการควบคุมในรัฐสภา ด้วยพรรคฝ่ายค้าน 3 พรรคมีเก้าอี้รวมกัน 167 ที่นั่ง คว้าเสียงข้างมากไปครอง
มีประชาชนออกมาใช้สิทธิใช้เสียงทั้งหมด 58 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นจากศึกเลือกตั้งเมื่อปี 2012 ราว 3.8 เปอร์เซ็นต์
“มันคือการพิพากษาของผู้มีสิทธิออกเสียงต่อประธานาธิบดีพัค ผู้มีสิทธิออกเสียงจำนวนมากรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับรูปแบบบริหารเผด็จการของเธอ” ศาสตราจารย์ ยัง มู-จิน จากมหาวิทยาลัยเกาหลีเหนือศึกษาในกรุงโซลบอกกับเอเอฟพี
นางพัคไม่สามารถทำตามคำสัญญาต่างๆ ทางเศรษฐกิจที่เคยให้ไว้เกือบทั้งหมด ความล้มเหลวที่เธอกล่าวอ้างว่าติดขัดประเด็นทางกฎหมาย ทว่าพวกนักวิจารณ์กล่าวหาเธอว่าวางลำดับเป้าหมายบิดเบี้ยว ตัดสินใจย่ำแย่ และเป็นผู้นำหัวรั้น
อำนาจทางการเมืองในเกาหลีใต้มีศูนย์กลางอยู่ที่ประธานาธิบดี ซึ่งถูกจำกัดวาระดำรงตำแหน่งเพียงสมัยเดียว 5 ปี ขณะที่ศึกเลือกตั้งสมัชชาแห่งชาติของแดนโสมขาว ซึ่งเป็นรูปแบบสภาเดียว ตามปกติแล้วมักถูกครอบงำด้วยประเด็นท้องถิ่น
ตัวเลขคนว่างงานที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยอดการส่งออกดำดิ่ง และความกังวลต่อตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่สูงลิ่ว ได้นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อแนวทางบริหารเศรษฐกิจของนางพัค เช่นดียวกับพรรคแซนูรี
ความไม่พอใจต่อนางพัคและพรรคแซนูรีอยู่ในระดับสูงลิ่วโดยเฉพาะในหมู่คนหนุ่มสาว ด้วยตัวเลขคนว่างงานในกลุ่มคนอายุระหว่าง 15-29 ปี พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ผลเลือกตั้งในวันพุธ (13 เม.ย.) อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อนางพัค ซึ่งเหลือวาระการดำรงตำแหน่งไม่ถึง 2 ปี ด้วยภายใต้การบริหารงานของเธอ เศรษฐกิจหมายเลข 4 ของเอเชียแห่งนี้ขยายตัวเฉลี่ยแค่ราวๆ 2.9 น้อยกว่าสมัยของอดีตประธานาธิบดี ลี เมียง บัค ที่มีอัตราเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 3.2
ตัวเลขการส่งออก ซึ่งคิดเป็นมากกว่าครึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ร่วงลงต่อเนื่องในช่วง 14 เดือนหลัง ขณะที่ยอดหนี้ครัวเรือนก็พุ่งแตะระดับ 1 ล้านล้านดอลลลาร์สหรัฐ สูงสุดเป็นประวัติการณ์