เอเอฟพี - ประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางให้ประธานาธิบดีในอนาคตสามารถดำรงตำแหน่งได้เกินกว่า 1 สมัย ในขณะที่คะแนนนิยมของรัฐบาลกำลังต่ำเตี้ยเรี่ยดินจากปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน
แม้รัฐธรรมนูญเกาหลีใต้จะให้อำนาจแก่รัฐบาลอย่างกว้างขวาง แต่เกาหลีใต้ก็เป็นชาติประชาธิปไตยเสรีที่มีเศรษฐกิจก้าวหน้าเพียงชาติเดียวที่ยังอนุญาตให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งได้เพียง 1 สมัย ซึ่งมีระยะเวลา 5 ปี และไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีก
ข้อจำกัดนี้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ปี 1987 หลังจากเกาหลีใต้ซึ่งถูกปกครองโดยรัฐบาลเผด็จการทหารมาหลายสิบปีได้ก้าวสู่ความเป็นประชาธิปไตย จึงพยายามหาวิธีป้องกันมิให้ผู้นำแต่ละคนผูกขาดอำนาจอยู่นานเกินไป
นักวิจารณ์หลายคนมองว่า ข้อจำกัดนี้ถูกใช้มานานเกินความจำเป็น และทำให้ฝ่ายบริหารขาดเสถียรภาพ เนื่องจากประธานาธิบดีแต่ละคนมุ่งสร้างสรรค์แต่สิ่งที่จะเป็นมรดกของรัฐบาลตนเอง โดยไม่มีแรงจูงใจหรือเวลาในการทำงานมากพอที่จะสร้างฉันทามติ (concensus building)
ในการแถลงต่อรัฐสภาซึ่งถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์วันนี้ (24) พัค ระบุว่า รัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนั้นล้าสมัย และรัฐบาลควรเริ่มต้นพูดคุยเพื่อวางรากฐานของการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ
“รัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 1 สมัย 5 ปีอาจมีความเหมาะสมในช่วงที่ประเทศกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นประชาธิปไตย... แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเสื้อที่ใส่ไม่พอดีเสียแล้ว”
ผู้นำหญิงโสมขาวประกาศจะตั้งคณะทำงานเพื่อผลักดันการแก้รัฐธรรมนูญ ก่อนที่ตัวเธอเองจะหมดวาระในช่วงต้นปี 2018
ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ยืนยันว่า ไม่มีความเป็นไปได้ที่ พัค จะลงเลือกตั้งสมัยที่สอง
“รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดไว้ชัดเจนว่า บทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่แก้ไขใหม่จะนำมาใช้กับประธานาธิบดีคนปัจจุบันไม่ได้” คิม ดอง-โจ โฆษกประธานาธิบดี แถลง
ข้อเสนอเช่นนี้ยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจุดยืนของผู้นำหญิงเกาหลีใต้ ซึ่งเคยวิจารณ์เสียงเรียกร้องแก้รัฐธรรมนูญจากพรรคฝ่ายค้านว่าจะก่อให้เกิด “หลุมดำ” ซึ่งทำให้รัฐบาลเป็นอัมพาต
ส.ส.ฝ่ายค้านออกมาตั้งข้อสังเกตว่า พัค ตั้งใจชงเรื่องแก้รัฐธรรมนูญขึ้นมาเบี่ยงเบนความสนใจจากคดีคอร์รัปชันที่กำลังบั่นทอนการทำงานของรัฐบาลในปีสุดท้ายหรือไม่
“พวกเราเสนอเรื่องการปฏิรูปรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด ดังนั้นการหารือคือสิ่งจำเป็นแน่นอน แต่เราก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมประธานาธิบดีถึงมาเปลี่ยนจุดยืนเอาตอนนี้” พรรคฝ่ายค้านหลักของเกาหลีใต้ระบุในคำแถลง
ผู้ช่วยคนสนิท 2 คนของพัค ถูกกล่าวหาว่าใช้เส้นสายบีบให้กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่บริจาคเงินหลายล้านดอลลาร์ให้แก่มูลนิธิไม่แสวงผลกำไร 2 แห่ง
สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า มูลนิธิทั้งสองก่อตั้งขึ้นเพื่อระดมทุนสำหรับใช้ในกิจกรรมต่างๆ ของ พัค หลังจากที่เธอพ้นตำแหน่งประธานาธิบดีไปแล้ว
พัค ยืนยันว่าตนไม่ได้ทำผิด และเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด พร้อมขู่จะลงโทษ “สถานหนัก” ต่อใครก็ตามที่ฝ่าฝืนกฎหมาย