xs
xsm
sm
md
lg

CDC มะกันแถลง พบ “ไวรัสซิกา” ระบาดในไทยและชาติอาเซียน เตือนอย่าเดินทางมาเหยียบถ้าไม่จำเป็น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ภาพจากรอยเตอร์
เอเจนซีส์ / MGR online - ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสหรัฐฯ (ซีดีซี) ออกคำแถลงยืนยันเมื่อช่วงค่ำของวันพฤหัสบดี (29 ก.ย.) ระบุพบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสซิกา (Zika) ขยายวงเข้าสู่ 11 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว พร้อมออกคำเตือนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าสู่ภูมิภาคอาเซียน

คำแถลงของซีดีซีซึ่งออกที่สำนักงานใหญ่ในนครแอตแลนตา มลรัฐจอร์เจีย ระบุว่า สตรีที่กำลังตั้งครรภ์ หรือต้องสงสัยว่าตั้งครรภ์ ควรพิจารณา “เลื่อน” แผนการเดินทางที่ไม่มีความจำเป็นมายังประเทศไทย พม่า กัมพูชา ลาว เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไนดารุสซาลาม ฟิลิปปินส์ รวมถึงติมอร์ตะวันออก และมัลดีฟส์

อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่าในคำแถลงรอบล่าสุดของซีดีซีนั้น ไม่ได้มีการกล่าวครอบคลุมถึงสิงคโปร์ด้วย เนื่องจากทางซีดีซีได้ออกประกาศห้ามสตรีมีครรภ์เดินทางไปยังสิงคโปร์โดยเด็ดขาดตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หลังทางการสิงคโปร์ก็เคยออกมายอมรับก่อนหน้านี้ว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสซิกาในดินแดนของตนกว่า 400 ราย

แต่ไหนแต่ไรมา เชื้อไวรัสซึ่งมีพาหะเป็นยุงสายพันธุ์ “Aedes aegypti” ชนิดนี้ถูกพบว่ามีการติดต่อสู่มนุษย์ในวงแคบๆ นับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1950 เป็นต้นมา ตามประเทศเขตร้อน ทั้งในทวีปแอฟริกาและทวีปเอเชีย ก่อนที่จะมีรายงานการพบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ ที่ดินแดนอาณานิคมของฝรั่งเศสในมหาสมุทรแปซิฟิก อย่างเฟรนช์ โปลิเนเซีย (French Polynesia) เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2014

อย่างไรก็ดี การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสซิการะลอกล่าสุดที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในภูมิภาคลาตินอเมริกาได้สร้างความตื่นตะลึงแก่แวดวงสาธารณสุขทั่วโลกมากที่สุด จากการลุกลามที่ทางองค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) ออกมายอมรับในเดือนมกราคม 2016 ว่าการลุกลามของไวรัสซิกานี้ถึงขั้น “แพร่ระบาด” แล้ว

จนถึงขณะนี้ ทางผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา และบรรดากูรูด้านโรคเขตร้อนของ WHO กำลังเร่งทำงานแข่งกับเวลาในการหาทางรับมือ และหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสซิกา ตลอดจนการประสานงานกับรัฐบาลของประเทศต่างๆ ที่กำลังเผชิญภัยคุกคามจากไวรัสนี้ที่ทาง WHO ยอมรับแล้วว่าอาจ “ควบคุมการระบาดไม่อยู่”

องค์การอนามัยโลกพบว่าเชื้อไวรัสซิกานั้น นอกจากสามารถถ่ายทอดผ่านทางเลือดแล้วยังสามารถตรวจพบได้จากอสุจิของเพศชายอีกด้วย ขณะที่ในกรณีแม่และเด็กนั้นสามารถส่งผ่านไวรัสได้ทั้งในระหว่างช่วงการตั้งครรภ์ และในช่วงการให้นมบุตร

ข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ออกมาล่าสุดยังระบุว่า จนถึงขณะนี้วงการสาธารณสุขและวงการแพทย์ทั่วโลก ยังไม่สามารถคิดค้นวัคซีน สำหรับรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ ซึ่งยิ่งทำให้การติดเชื้อไวรัสซิกา กลายเป็นเรื่องที่มีอันตรายอย่างยิ่งยวด

ด้านกระทรวงสาธารณสุขของไทยชี้ว่าเชื้อไวรัสซิกามีระยะฟักตัว 4-7 วัน จากนั้นผู้ติดเชื้อจะมีอาการไข้ ปวดศีรษะรุนแรง มีผื่นแบบ Maculopapular หรือจะมีรอยโรคที่เป็นตุ่มนูน และรอยแดงผสมกันที่บริเวณลำตัว แขน และขา มีอาการวิงเวียน เยื่อบุตาอักเสบ ตาแดง ปวดตามข้อ และอาจมีต่อมน้ำเหลืองโต รวมถึงมีอาการอุจจาระร่วงร่วมด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ไวรัสซิกาถูกระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำลายระบบประสาทของทารกในระหว่างอยู่ในครรภ์ ทำให้เด็กทารกแรกคลอด ป่วยเป็นโรคศีรษะเล็ก (Microcephaly) ซึ่งเป็นความพิการแต่กำเนิด ส่งผลทำให้เด็กมีพัฒนาการช้าในทุกด้าน ตัวเตี้ย ใบหน้าผิดรูป มีภาวะ ปัญญาอ่อน และอาจมีอาการชัก
ภาพจากรอยเตอร์

กำลังโหลดความคิดเห็น