เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – เพนตากอนส่ง 3 อากาศยานทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ บี-52 สตราโตฟอร์เทรส (B-52 Stratofortress) บี-1 แลนเซอร์ (B-1 Lancer )และบี-2 สปิริต (B-2 Spirit) บินฝึกซ้อมร่วมกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อวานนี้(17 ส.ค)ในภารกิจของกองกำลังสหรัฐฯประจำภาคพื้นแปซิฟิก USPACOM เหนือน่านน้ำทะเลจีนใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือที่มี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเกาหลีเหนืออยู่ในบริเวณนั้น
defensetech.org สื่อออนไลน์ทางการทหารสหรัฐฯรายงานเมื่อวานนี้(17 ส.ค)ว่า มีการเปิดเผยปรากฏภาพเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯที่ทันสมัยที่สุดในโลก บี-52 สตราโตฟอร์เทรส (B-52 Stratofortress) บี-1 แลนเซอร์ (B-1 Lancer )และบี-2 สปิริต (B-2 Spirit) บินผ่านเหนือฐานทัพอากาศแอนเดอร์สัน (Anderson Air Force Base) บนเกาะกวม มหาสมุทรแปซิฟิกในวันพุธ(17 ส.ค) ที่ถูกเปิดเผยร่วมกับแถลงการณ์ของกองกำลังสหรัฐฯประจำภาคพื้นแปซิฟิก USPACOM ซึ่งออกในวันเดียวกัน ในปฎิบัติการซ้อมรบร่วมภายในเขตความรับผิดชอบของกองกำลังแห่งนี้
RT สื่อรัสเซียรายงานเพิ่มเติมว่า พื้นที่ความรับผิดชอบของ USPACOMนั้นครอบคลุมไปถึง 52% ของพื้นที่ทั้งโลก จึงทำให้เครื่องบินทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯที่เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลสามารถให้ความมั่นใจต่อพันธมิตรสหรัฐฯ และยังมีศักยภาพในการทำลายล้างข้าศึกสูง
ทั้งนี้พบว่าแถลงการณ์ของ USPACOM ระบุว่าอากาศยานทิ้งระเบิดบี-1 แลนเซอร์จำนวนหนึ่งพร้อมเจ้าหน้าที่ไม่ต่ำกว่า 300 นายบินออกมาจากฐานทัพอากาศ เอลสเวิร์ธ(Ellsworth Air Force Base) รัฐเซาท์ ดาโกตา มาถึงฐานทัพอากาศบนเกาะกวมในวันที่ 6 สิงหาคมนี้ เพื่อแทนที่ฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิดบี-52 สตราโตฟอร์เทรส ที่ถูกสั่งให้ไปประจำการยังฐานทัพอากาศไมน็อต (Minot Air Force Base) รัฐนอร์ท ดาโกตาต่อไป โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา
ฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิดบี-1 แลนเซอร์จะประจำฐานทัพอากาศบนเกาะกวมชั่วคราวเพื่อเข้าร่วมภารกิจของ USPACOMภายใต้ชื่อ “Continuous Bomber Presence” (CBP)
ด้านพลจัตวา ดักลาส ค็อกซ์(Brig. Gen. Douglas Cox) ผู้บัญชาการกองบินที่ 36 แถลงว่า “ปฎิบัติการครั้งนี้เพื่อแสดงถึงจุดยืนสหรัฐฯต่อการสนับสนุนยุทธศาตร์ความมั่นคงโลก และประกาศถึงศักยภาพของเราในการส่งกองกำลังกำลังรบทางยุทธวิธีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถ”
ซึ่งในแถลงการณ์ของ USPACOM ยังได้ระบุว่า ถึงแม้ว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ทันสมัยที่สุดในโลกทั้ง 3 รุ่นจะถูกส่งไปประจำการในเขตความรับผิดชอบของกองกำลังสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นแปซิฟิกในอดีตไม่พร้อมกัน แต่ทว่านี่ถือเป็นครั้งแรกที่ทั้ง “บี-52 สตราโตฟอร์เทรส บี-1 แลนเซอร์ - บี-2 สปิริต” ได้ร่วมบินเรียงตัวผ่านเหนือน่านฟ้าของฐานทัพอากาศแอนเดอร์สัน และได้ทำการฝึกซ้อมร่วมกันในเขตทะเลจีนใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ
ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือประกอบไปด้วย ญี่ปุ่น เกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้
อย่างไรก็ตาม ทางสื่อ defensetech.org วิเคราะห์ถ้อยคำในแถลงการณ์ของ USPACOM ที่ดูเหมือนจะพุ่งเป้าไปที่จีน ที่ในขณะนี้ได้ทำการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทางทหาร และรวมไปถึงลานบินบนหมู่เกาะพิพาท หมู่เกาะสแปรทลีย์
และเมื่อพิจารณาในแง่ของความสามารถในการรบ พบว่า บี-2 สปิริต (และเครื่องบินขับไล่ F-16) มีความสามารถในการขนระเบิดนิวเคลียร์ B61 defensetech.org รายงาน และกล่าวต่อว่า ในขณะที่บี-52 สตราโตฟอร์เทรสถูกออกแบบมาเพื่อติดตั้งจรวดมิสไซล์แบบอากาศ AGM-86B โดยพบว่าทางกองทัพอากาศสหรัฐฯต้องการที่จะพัฒนาจรวดมิสไซล์ติดหัวรบนิวเคลียร์แบบใหม่ ที่ระบุว่าเป็นประเภท “the Long Range Standoff Weapon” เพื่อมาแทนที่จรวดมิสไซล์ AGM-86B ในช่วงราวปี 2030 ไปแล้ว
ส่วนบี-1 แลนเซอร์ นั้นทางสื่อเชี่ยวชาญด้านการทหารสหรัฐฯชี้ว่า ได้ถูกสั่งปลดระวางจากภารกิจนิวเคลียร์สหรัฐฯ
นอกจากนี้ ข้อมูลของธิงแทงก์ศูนย์การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและยุทธศาสตร์ (Center for Strategic and International Studies) ที่มีฐานอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ได้ชี้ว่า ในขณะนี้ยังไม่พบว่าปักกิ่งส่งเครื่องบินทางทหารมาประจำหมู่เกาะพิพาท แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องมาจากความเร่งรีบในการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทางการทหารบนเกาะเล็กๆทั้ง 3แห่ง ที่ในไม่ช้า ศูนย์การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและยุทธศาสตร์ ระบุว่า แต่ละเกาะจะมีสิ่งปลูกสร้างที่สามารถเก็บเครื่องบินเจ็ตขับไล่ได้จำนวน 24 ลำ และเครื่องบินขนาดใหญ่อีกราว 3-4 ลำ defensetech.org รายงาน